สิ่งแวดล้อมก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้อย่างไร
รองศาสตราจารย์นายแพทย์ประเสริฐ เลิศสงวนสินชัย
16 กันยายน 2541
จากสถิติของกระทรวงสาธารณสุข พบว่าอายุเฉลี่ยของประชาชนชาวไทย มีแนวโน้มที่จะมีอายุ ที่ยืนยาวขึ้น คือ
อายุเฉลี่ย ปี 2535 ปี 2539
เพศหญิง 68.7 ปี 71.1 ปี
เพศชาย 63.2 ปี 66.6 ปี
ทั้งนี้เนื่องจากความเจริญก้าวหน้า และการพัฒนาการในการให้บริการทางด้านสาธารณสุขที่มี ประสิทธิภาพและให้บริการกว้างขวางมากขึ้น ตลอดจนการลดอุบัติการการเสียชีวิตของทารกแรกคลอดและอุบัติการเสียชีวิตจากโรคติดเชื้อ
ปัจจุบันนี้ สาเหตุของการเสียชีวิตของประชาชนชาวไทย พบว่า
อันดับที่ 1 คือ โรคหัวใจและหลอดเลือด 78.9 รายต่อประชากรแสนคน
อันดับที่ 2 คือ อุบัติเหตุ 61.5 รายต่อประชากรแสนคน
อันดับที่ 3 คือ โรคมะเร็ง 50.9 รายต่อประชากรแสนคน
โรคมะเร็งถือเป็นปัญหาสำคัญทางสาธารณสุขของโลก และของประชาชนชาวไทยด้วยเช่นกัน โดยพบว่าโรคมะเร็งเป็นสาเหตุของการตาย คิดเป็น 13% ของผู้เสียชีวิตทั้งหมดของคนไทย
โรคมะเร็งคืออะไร
มะเร็งคือ เนื้องอกชนิดร้ายแรง ซึ่งจะมีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยไม่มีการหยุดยั้ง มะเร็งจะสามารถมีการลุกลามไปสู่อวัยวะหรือเนื้อเยื่ออื่นที่อยู่ใกล้เคียง และยังสามารถมีการแพร่กระจายของโรคสู่อวัยวะที่ห่างไกลออกไปได้
อุบัติการของโรคมะเร็งในประเทศไทยเป็นอย่างไร
จากสถิติของกระทรวงสาธารณสุข โดยสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ได้รวบรวมสถิติผู้ป่วยโรคมะเร็งในปี พ.ศ. 2533 พบว่ามีผู้ป่วยโรคมะเร็งใหม่จำนวนประมาณ 60,000 ราย โดยมีอุบัติการใน เพศชาย 153.6 รายต่อประชากรแสนคน ในเพศหญิง 128.5 รายต่อประชากรแสนคน
โรคมะเร็งที่พบบ่อย 6 อันดับแรกของคนทั่วโลกคือ
ส่วนโรคมะเร็งที่พบบ่อย 6 อันดับแรกของคนไทยคือ (พ.ศ. 2533)
นอกจากนี้ ยังพบว่าอุบัติการของการเกิดโรคมะเร็ง ยังแตกต่างกันไปในแต่ละท้องถิ่นหรือ ชุมชน แต่ละภูมิภาค แต่ละประเทศ เช่น
มะเร็งที่พบบ่อยในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
ชาย หญิง
มะเร็งที่พบบ่อยในจังหวัดทางภาคเหนือ
ชาย หญิง
มะเร็งที่พบบ่อยทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ชาย หญิง
มะเร็งที่พบบ่อยทางภาคใต้
ชาย หญิง
การเกิดโรคมะเร็งเป็นขบวนการหลายขั้นตอน มีกลไกที่สลับซับซ้อนที่ทำให้เซลล์ปกติกลายเป็นเซลล์มะเร็ง (มะเร็งบางชนิดก็ทราบกลไกที่แน่ชัด แต่มีโรคมะเร็งอีกมากชนิดที่ยังไม่ทราบกลไกที่ แน่นอน) และมีการเปลี่ยนแปลงเจริญเติบโตจากเซลล์มะเร็งเพียงเซลล์เดียวกลายเป็นก้อนมะเร็งขึ้นมา ต่อมาจะมีการลุกลามเฉพาะที่และเกิดการแพร่กระจายไปสู่อวัยวะอื่นในที่สุด ดังนั้นจะเห็นว่า โรคมะเร็งเป็นโรคที่ใช้ระยะเวลานานหลายปี ในการก่อให้เกิดโรคขึ้นมา (รูป) ในปัจจุบันนี้ พอจะสรุปขบวนการของการเกิดมะเร็งเป็น 2 ขั้นตอนใหญ่ ๆ คือ
มีปัจจัยหรือสาเหตุหลายอย่างที่มีส่วนร่วมในการที่จะก่อให้เกิดเป็นโรคมะเร็ง โดยสาเหตุ ส่วนใหญ่พบว่าเป็นผลมาจากวิถีการดำเนินชีวิต และปัจจัยต่าง ๆ ทางสิ่งแวดล้อม สามารถแบ่งปัจจัยหรือสาเหตุต่าง ๆ ออกเป็น 2 ส่วนคือ
1. ปัจจัยหรือสาเหตุจากภายนอกร่างกาย
2. ปัจจัยหรือสาเหตุจากภายในร่างกาย
จากการคาดประมาณ การตายจากโรคมะเร็งในปัจจุบัน พบว่า
สารก่อมะเร็ง (carcinogens) ในสิ่งแวดล้อม
สารก่อมะเร็งที่เป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็งในคน
มีสารเคมีหลายชนิดที่ปะปนอยู่ในสิ่งแวดล้อม และโดยเฉพาะในสถานที่ประกอบอาชีพของบุคคลบางกลุ่มเป็นสารก่อมะเร็ง
การกินพอดี จะทำให้ชีวิตมีความสุข และยืนยาว (Eat right, live longer)
อาหารเป็นสิ่งจำเป็นต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ แต่การรับประทานอาหารที่ไม่ถูกสุขลักษณะ ตลอดจนทั้งปริมาณและคุณภาพที่ไม่เหมาะสมจะเป็นสาเหตุของการเกิดโรคชนิดต่าง ๆ มากมาย รวมทั้งโรคมะเร็งด้วย
ปัจจุบันนี้ พบว่าอาหารเป็นสาเหตุของการก่อให้เกิดโรคมะเร็งประมาณ 1/3 ของ อุบัติการทั้งหมดของผู้ป่วยโรคมะเร็ง
4. การติดเชื้อเรื้อรัง (chronic infections)
โรคติดเชื้อเรื้อรังบางชนิด มีผลต่อการเกิดโรคมะเร็งขึ้นได้
ผู้ป่วยเหล่านี้จะเกิดเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งผิวหนังชนิด Kaposi’s sarcoma และมะเร็งสมอง สูงกว่าคนปกติทั่วไป
รังสี (radiation) เป็นสาเหตุก่อให้เกิดมะเร็งได้ 2% ของผู้ป่วยมะเร็งทั้งหมด
5.3 รังสีจากเครื่องใช้ไฟฟ้า และเครื่องใช้ในครัวเรือน ตลอดจนคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากโทรศัพท์มือถือ มีข้อน่าสังเกตว่าอาจก่อให้เกิดอุบัติการของมะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งสมองได้ แต่ก็ยังไม่มีหลักฐานที่ยืนยันได้อย่างแน่ชัดในปัจจุบันนี้
5.4 รังสีจากแหล่งปฏิกรณ์ปรมาณู มีหลักฐานที่แสดงให้เห็นอย่างแน่ชัดแล้วว่า การรับรังสีในปริมาณที่สูงโดยไม่จำเป็น จะสามารถก่อให้เกิดเป็นมะเร็งได้ ดังจะเห็นได้จากตัวอย่างของระเบิดปรมาณูในสงครามโลกครั้งที่สอง ที่ฮิโรชิมา และนางาซากิ และโรงไฟฟ้าปรมาณูที่เชอร์โนบิลระเบิด ในช่วงระยะเวลา 5-10 ปีต่อมา ผู้คนที่อยู่ในระแวกที่ได้รับรังสี เกิดเป็นมะเร็งชนิดต่าง ๆ ตามมา เช่น มะเร็งต่อมธัยรอยด์ มะเร็งกระดูกและเนื้อเยื่อ มะเร็งเม็ดเลือดขาว เป็นต้น
2. ยาที่ใช้ในการรักษา
อาจได้รับการแนะนำให้เสริมฮอร์โมนเอสโตรเจน เพื่อป้องกันอาการต่าง ๆ ของการหมดประจำเดือน และลดปัญหาเรื่องกระดูกบอบบาง ฮอร์โมนเหล่านี้อาจมีส่วนในการก่อให้เกิดมะเร็งของเยื่อบุโพรงมดลูก และมะเร็งเต้านมได้
3. ภาวะมลพิษต่าง ๆ (pollution)
ส่วนปัจจัยหรือสาเหตุจากภายในร่างกาย (Genetic and cancer risk) ประมาณกันว่า ภาวะของ พันธุกรรมมีผลต่ออัตราการเกิดโรคมะเร็งได้ 5% โรคมะเร็งที่พบว่าเป็นผลจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้คือ มะเร็งเต้านม, มะเร็งรังไข่, มะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็งของไต (Wilms’ Tumor) กับ Retinoblastoma ที่พบในเด็ก เป็นต้น
สรุปก็คือ สิ่งแวดล้อมที่มีผลต่อการก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้คือ
- บุหรี่ เป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็ง 30-35%
- อาหาร เป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็ง 30-35%
- สารเคมี เป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็ง 15%
- โรคติดเชื้อ เป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็ง 15%
- พันธุกรรม เป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็ง 5%
มะเร็งไม่ใช่โรคติดต่อมะเร็งบางชนิดสามารถป้องกันได้ เช่น มะเร็งปอด, มะเร็งตับ, มะเร็งช่องปาก และมีมะเร็งหลายชนิดสามารถตรวจเช็คหรือตรวจพบในระยะเริ่มแรกได้โดยง่าย เช่น มะเร็งปากมดลูก, มะเร็งเต้านม, มะเร็งช่องปาก นอกจากนี้มะเร็งหลายชนิดในปัจจุบันนี้ สามารถรักษาได้ผลดี
อย่างไรก็ตาม การหลีกเลี่ยงหรือป้องกันการเกิดโรคมะเร็งจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด ทำได้โดย
- งด เลิก สูบบุหรี่ ไม่ดื่มสุรา
- ลดอาหารไขมันจากสัตว์
- เพิ่มอาหารเส้นใย ผักและผลไม้สด
- หลีกเลี่ยงหรือป้องกันการติดเชื้อบางชนิด
- ทานอาหารที่ถูกสุขลักษณะ
- เสริมสุขภาพอนามัยให้สมบูรณ์ทั้งทางร่างกายและจิตใจ
- มะเร็งกระเพาะอาหาร
- มะเร็งเต้านม
- มะเร็งลำไส้ใหญ่
- มะเร็งตับ
- มะเร็งปากมดลูก
- มะเร็งตับ 11,600 ราย
- มะเร็งปอด 7,300 ราย
- มะเร็งปากมดลูก 5,600 ราย
- มะเร็งเต้านม 3,300 ราย
- มะเร็งลำไส้ใหญ่ 3,100 ราย
- มะเร็งช่องปาก 2,000 ราย
- มะเร็งปอด มะเร็งปากมดลูก
- มะเร็งตับ มะเร็งเต้านม
- มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งปอด
- มะเร็งช่องปาก มะเร็งลำไส้ใหญ่
- มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งรังไข่
- มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มะเร็งช่องปาก
- มะเร็งปอด มะเร็งปอด
- มะเร็งตับ มะเร็งปากมดลูก
- มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งเต้านม
- มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มะเร็งตับ
- มะเร็งกล่องเสียง มะเร็งหลอดอาหาร
- มะเร็งผิวหนัง มะเร็งช่องปาก
- มะเร็งตับ มะเร็งตับ
- มะเร็งปอด มะเร็งปากมดลูก
- มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งเต้านม
- มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งช่องปาก
- มะเร็งผิวหนัง มะเร็งรังไข่
- มะเร็งช่องปาก มะเร็งต่อมธัยรอยด์
- มะเร็งปอด มะเร็งปากมดลูก
- มะเร็งตับ มะเร็งเต้านม
- มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งช่องปาก
- มะเร็งช่องปาก มะเร็งปอด
- มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งต่อมธัยรอยด์
- มะเร็งกล่องเสียง มะเร็งผิวหนัง
- ขบวนการเริ่มต้นโดยมีตัวกระตุ้น (initiator) เป็นตัวที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง หรือ ทำลายยีนส์ (gene) ที่ควบคุมการแบ่งตัวของเซลล์ตามปกติ เกิดการกลายพันธุ์ (mutation) ซึ่งใช้เวลาหลายปี
- ตัวกระตุ้นเสิรม (promotor) เมื่อเซลล์ปกติที่เกิดการกลายพันธุ์ ได้รับสิ่งกระตุ้นเสริมซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำให้เกิดการเร่งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งขึ้น
- สารก่อมะเร็งในสิ่งแวดล้อม
- พฤติกรรมสุขภาพ
- ภาวะทางโภชนาการ
- สภาวะทางเศรษฐกิจและสังคม
- คุณสมบัติทางพันธุกรรม
- ภาวะทางระบบภูมิต้านทานโรค
- ภาวะชราภาพ (aging)
- 30% เกิดจากการสูบบุหรี่
- 30% จากปัจจัยต่าง ๆ ในอาหาร
- 15% จากการติดเชื้อเรื้อรังชนิดต่าง ๆ
- สารเคมี (chemicals)
- สารหนู (arsenic) พบว่าการได้รับสารนี้เป็นประจำหรือปริมาณที่มาก จะก่อให้เกิด โรคมะเร็งของปอด และมะเร็งผิวหนัง
- แร่ใยหิน สารทนไฟ (asbestos) ในอุตสาหกรรมทำแก้วและกระจก วัสดุทนไฟต่าง ๆ บุคคลที่สัมผัสหรือได้รับสารนี้มาก จะมีอุบัติการของการเป็นมะเร็งของเยื่อหุ้มปอด (mesothelioma) และมเร็งปอด
- เบนซีน (Benzene) พบมีอุบัติการของการเกิดมะเร็งเม็ดเลือดขาว (Leukemia) ถ้าสูดดมหรือสัมผัสสารนี้มากและบ่อย
- Formaldehyde, formalin ใช้เป็นน้ำยาฆ่าเชื้อโรค อาจก่อให้เกิดมะเร็งของจมูก(nose) และมะเร็งหลังโพรงจมูก (nasopharyngeal carcinoma)
- ยาฆ่าแมลง และยากำจัดวัชพืช (Pesticides, DDT) อาจก่อให้เกิดโรคมะเร็งทางเดินลมหายใจและมะเร็งปอดได้
- โลหะหนัก เช่น แคดเมี่ยม, ดีบุก, ตะกั่ว
- อาหารและสิ่งเจือปนในอาหาร
(Food and food contaminants)
- ไขมันจากสัตว์ (animal fat) เป็นไขมันชนิดอิ่มตัว (saturated fat) การรับประทานอาหารไขมันจากสัตว์ในปริมาณที่มากในคนวัยที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว พบว่าจะเป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งเต้านม และมะเร็งต่อมลูกหมาก
- ปลาเค็ม (salted fish) และพวกอาหารรสเค็ม หมักดองพบว่าในอาหารพวกปลาเค็ม ปลาร้า แหนม เนื้อเค็ม จะมีสารชนิดหนึ่งที่เรียกว่าสาร nitrosamine ซึ่งจะเป็นสาเหตุของการเป็นมะเร็งของกระเพาะอาหารและมะเร็งหลังโพรงจมูก
- อาหารพวกปิ้ง ทอด รมควัน จนไหม้เกรียม จะมีสารพวกไฮโดรคาร์บอนเกิดขึ้น ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง ทำให้เกิดมะเร็งของกระเพาะอาหาร เป็นต้น
- สารพิษอัฟลาทอกซิน จากเชื้อราในอาหาร เช่น ขนมปัง ถั่ว ฟักทอง ที่อับมีเชื้อราขึ้น อาจก่อให้เกิดเป็นมะเร็งในตับได้
- การดื่มเครื่องดื่มที่ร้อนมาก ๆ เช่น ชา กาแฟ ก็จะพบว่ามีอุบัติการเกิดมะเร็งของหลอดอาหารเพิ่มขึ้น
- พลังงานที่ได้จากสารอาหารที่รับเข้าไป ถ้าได้รับพลังงานจากสารอาหารมากเกินไปก็จะก่อให้เกิดโรคต่าง ๆ ตามมา เช่น เบาหวาน ความดันโลหิต โรคไขมันในเส้นเลือดและหัวใจ ตลอดจนโรคมะเร็ง เป็นต้น ส่วนในเด็กที่ได้สารอาหารมาก จะทำให้เด็กเจริญเติบโตเร็ว เข้าสู่วัยหนุ่มสาวเร็วขึ้น พบว่าหญิงที่มีประจำเดือนเร็ว และหมดประจำเดือนช้า จะมีอุบัติการของมะเร็งเต้านมสูง ส่วนในเพศชายจะเกิดมะเร็งต่อมลูกหมากสูงขึ้น
- ผักและผลไม้สด (Vegetables and fruits)ในผักและผลไม้สด จะมีสาร antioxidant ที่เชื่อว่าจะเป็นตัวช่วย neutralize free radical ในร่างกาย ซึ่งพบว่าตัวอนุมูลอิสระ (free radical) เป็นตัวก่อให้เกิดปฏิกริยาทางเคมีต่าง ๆ ในโมเลกุลของเซลล์
มีผลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหรือทำลายยีนส์ (gene) ใน DNA ทำให้มีการกลายพันธุ์เกิดขึ้น (mutation) สารเคมีบางอย่างในผักและผลไม้สด สามารถช่วยยับยั้งการส่งสัญญาณหรือขัดขวาง ขบวนการบางขั้นตอนของการเกิดมะเร็งได้ และลดการแบ่งตัวของเซลล์ได้ เป็นต้น การปรุงอาหารหรือการหมักดองผลไม้ที่ไม่ถูกวิธีหรือไม่เหมาะสม จะมีผลทำลาย คุณสมบัติของ antioxidant ลงได้
- การใช้สารบางอย่างในทางที่ผิด
- บุหรี่ พบว่าบุหรี่เป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดโรคมะเร็ง ในโลกนี้พบว่าผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งทั้งหมด มีสาเหตุมาจากบุหรี่ถึง 1 ใน 3 บุหรี่เป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็งปอด มะเร็งของช่องทางเดินหายใจส่วนบน, มะเร็งหลอดอาหาร, มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ, มะเร็งตับอ่อน, มะเร็งกระเพาะอาหารอุบัติการของการเกิดมะเร็ง จะขึ้นกับจำนวนของการสูบบุหรี่ในแต่ละวัน ระยะเวลาที่สูบบุหรี่ อายุที่เริ่มต้นสูบบุหรี่ และปริมาณของน้ำมันดิน (tar) ในบุหรี่ สำหรับผู้ที่อยู่ในแวดวงของผู้สูบบุหรี่ ซึ่งอาจจะต้องรับควันบุหรี่เข้าไปในปอดหรือร่างกายด้วย (passive smoking) พบว่าจะก่อให้เกิดอุบัติการของมะเร็งปอดค่อนข้างน้อยมาก ใกล้เคียงกับผู้ที่ไม่ได้สูบบุหรี่ หรือประชากรทั่ว ๆ ไป
- การดื่มสุรา (alcoholic beverage) พบว่าการดื่มสุรา และที่มีดีกรีสูง ๆ จะก่อให้เกิดมะเร็งของทางเดินหายใจ และทางเดินอาหารส่วนบน และจะสูงมากขึ้นอย่างชัดเจนเมื่อสูบบุหรี่ร่วมด้วยนอกจากนี้สุรายังทำให้มีอาการโรคตับแข็ง และเพิ่มอุบัติการการเกิดมะเร็งตับด้วยการเคี้ยวหมาก พบว่าอุบัติการของการเกิดมะเร็งในช่องปากและริมฝีปากสูงขึ้น
- การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดบี (Hepatitis B virus) การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีจะ ให้เกิดเป็นมะเร็งตับสูงกว่าผู้ไม่ได้ติดเชื้อนี้ และถ้ามีภาวะตับแข็งร่วมด้วย จะยิ่งเพิ่มอุบัติการสูงมากขึ้น
- การติดเชื้อพยาธิใบไม้ตับ (liver fluke) ทำให้เกิดเป็นมะเร็งท่อทางเดินน้ำดี ซึ่งพบมากทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย และพบเป็นอุบัติการที่สูงที่สุดในโลก
- Epstein-Barr virus (EBV) การติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ จะทำให้มีอุบัติการเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองและมะเร็งหลังโพรงจมูก
- Herpes Papilloma Virus (HPV) การติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ โดยเฉพาะบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ จะทำให้เกิดเป็นมะเร็งปากมดลูก และมะเร็งของทวารหนัก
- การติดเชื้อไวรัสเอดส์ (HIV) ปัจจุบันนี้กำลังเป็นปัญหาทางสาธารณสุขอย่างมาก
- สารเคมี (chemicals)
- รังสีจากแสงอาทิตย์ โดยเฉพาะรังสีอุลตราไวโอเล็ต-เบต้า (ultraviolet b -rays) จะสามารถทำลาย DNA และมีผลทำให้เกิดเป็นมะเร็งผิวหนัง รวมทั้งมะเร็งชนิด melanoma
- รังสีที่มีอยู่เองตามธรรมชาติ และตำแหน่งที่ขุดทำเหมืองแร่ ทำให้เพิ่มอุบัติการเกิดมะเร็งปอด และมะเร็งกระดูกได้
- เคมีบำบัด ที่ใช้ในการรักษาโรคมะเร็งชนิดต่าง ๆ ก็เป็นสารก่อมะเร็งได้เช่นกัน เช่น nitrogen mustard, cyclophosphamide ก่อให้เกิดมะเร็งเม็ดเลือดขาว, มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ เป็นต้น
- รังสีรักษา แม้ว่าจะใช้ในการรักษาโรคมะเร็งมากมายหลายชนิดก็ตาม แต่ก็พบว่าในระยะยาวอาจก่อให้เกิดมะเร็งของเนื้อเยื่อ มะเร็งกระดูก มะเร็งเม็ดเลือดขาวได้
- ยากดภูมิต้านทานของร่างกายในผู้ป่วยที่ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ อาจมีผลทำให้เกิดมะเร็งของต่อมน้ำเหลือง มะเร็งของไต
- การเสริมฮอร์โมนเอสโตรเจน ปัจจุบันนี้ผู้หญิงซึ่งเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน (วัยทอง)
- มลพิษในอากาศ เช่น เขม่าควันไฟ การเผาไหม้ของน้ำมันและถ่านหิน เป็นต้น
- มลพิษในน้ำ สิ่งปฏิกูลต่าง ๆ มีทั้งเชื้อโรคต่าง ๆ ปะปนอยู่ในน้ำคลอรีน
- มลพิษในดิน การมีสารเคมี หรือสารกัมมันตรังสีตกค้างในพื้นใต้ผิวดิน เป็นต้น