ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย (Withholding tax) เป็นการจัดเก็บภาษีล่วงหน้ากำหนดให้ผู้จ่ายเงินได้มีหน้าที่หักภาษีจากเงินที่จ่ายให้แก่ผู้รับทุกครั้งที่จ่าย ซึ่งการหักภาษีต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนด หลังจากนั้นให้นำเงินส่งกรมสรรพากร
หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย
หัก ณ ที่จ่าย คือ (Withholding tax) คือ เงินที่รัฐบาลจัดเก็บจากบุคคลหรือกิจการ ที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการให้บริการ เนื่องจาก ภาษีมูลเพิ่ม (VAT) ที่รัฐบาลจัดเก็บจากสินค้าไม่สามารถใช้ได้กับธุรกิจให้บริการ เพราะรัฐไม่สามารถทราบได้ถึงจำนวนเงินที่ผู้รับบริการ จ่ายให้กับ ผู้ให้บริการ เนื่องจากเงินที่จ่ายมาจากความพึ่งพอใจในให้บริการของทั้ง 2 ฝ่าย
50 ทวิ คือ
50 ทวิ คือ ชื่อของ ” มาตราทางกฎหมาย ที่บัญญัติขึ้น ” เป็นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตาม มาตรา 50 ทวิ ที่ใช้เรียกกันทั่วไป ว่า “ใบ 50 ทวิ ” หรือ หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย ตามมาตรา 50 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร ถือเป็นเอกสารแสดงยอดเงินภาษีหัก ณ ที่จ่าย
ภาษีที่ต้องคำนวน หัก ณ ที่จ่าย
- กรณีผู้รับเป็นผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้ บุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด.3) หัก ณ ที่จ่าย 3
- กรณีผู้รับเป็นผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้ นิติบุคคล (ภ.ง.ด.53)
- มีและใช้เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร (เว้นแต่บุคคลธรรมดาที่ไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ให้ใช้เลขประจำตัวประชาชนแทน)
- หักภาษี ณ ที่จ่ายทุกคราวที่จ่ายเงินได้ ซึ่งมีกฎหมายกำหนดให้หักภาษี ณ ที่จ่าย
- ออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย ให้แก่ผู้ถูกหักภาษี ในกรณีที่เป็นรัฐบาล องค์การ ของรัฐบาล เทศบาล สุขาภิบาล หรือองค์การบริหาร ราชการส่วนท้องถิ่นอื่น ให้เจ้าพนักงานผู้จ่ายเงินได้ ออกใบรับสำหรับค่าภาษีที่ได้หักไว้ให้แก่ผู้รับเงิน
- นำส่งภาษีที่ได้หักไว้ภายใน 7 วัน นับแต่วันสิ้นเดือนของเดือนที่จ่ายเงินต่อสำนักงาน สรรพากรพื้นที่สาขาในท้องที่ที่ผู้มีหน้าที่หักภาษี เงินได้ ณ ที่จ่ายมีสำนักงานตั้งอยู่
การหักภาษี ณ ที่จ่าย
ภาษีเงินได้ หัก ณ ที่จ่าย หรือ หัก ณ ที่จ่าย คือเงินที่คน “จ่าย” ที่จดทะเบียนเป็นบริษัทหรือนิติบุคคลต้อง “หัก” ไว้ก่อนที่จะจ่ายเงินให้กับคนรับที่เป็นนิติบุคคล หรือคนธรรมดาก็ได้ แล้วนำส่งเป็นภาษีให้กรมสรรพากรไม่เกินวันที่ 7 ของเดือนถัดไป
หนังสือรับรองหัก ณ ที่จ่าย
การออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย ตามมาตรา 50 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร ให้ออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย อย่างน้อยต้องมีข้อความตามแบบที่อธิบดีกรมสรรพากรกำหนด
- ฉบับที่ 1 มีข้อความว่า “สำหรับผู้ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายใช้แนบพร้อมกับแบบแสดงรายการ”
- ฉบับที่ 2 มีข้อความว่า “สำหรับผู้ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายเก็บไว้เป็นหลักฐาน”
กำหนดเวลาออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย
- กรณีจ่ายเงินเดือน ค่าจ้าง ค่านายหน้า บำเหน็จ ฯลฯกรณีจ่ายเงินได้พึงประเมนประเภทเงินเดือน ค่าจ้าง ค่านายหน้า บำเหน็จ บำนาญ ตามมาตรา 40 (1) (2) แห่งประมวลรัษฎากร ให้ออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย ภายในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ของปีถัดจากปีภาษี (กรณีผู้ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายทำงานจนถึงสิ้นปีภาษี) หรือภายใน 1 เดือน นับแต่วันที่ผู้ ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายออกจากงานในระหว่างปีภาษี
- กรณีจ่ายเงินได้อื่น ๆกรณีจ่ายเงินได้พึงประเมนประเภทอื่นๆ ตามมาตรา 40 (3) (4) (5) (6) (7) หรือ (8) แห่ง ประมวลรัษฎากรให้ออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายในทันทีทุกครั้งที่มีการหักภาษี ณ ที่จ่าย
วิธีทำ หัก ณ ที่จ่าย
วิธีจัดทำหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย
- จัดทำเป็นภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษ แต่ถ้าทำเป็นภาษาต่างประเทศอื่นต้องมีคำแปลภาษา ไทยกำกับ ส่วนตัวเลขให้ใช้เลขไทยหรือเลขอารบิค หมายเลขลำดับของหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย และหมายเลขลำดับของเล่ม (หาก ไม่ได้จัดทำเป็นเล่ม จะไม่มีหมายเลขลำของเล่มก็ได้)
- ให้จัดทำสำเนาคู่ฉบับ (ฉบับที่ 3 นอกเหนือจากฉบับที่ 1 และ2 ) ไว้ด้วย เพื่อใช้เป็น หลักฐานในกรณีที่ได้ออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย ให้แก่ผู้ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายแล้ว แต่ชำรุด สูญหาย ให้ผู้มีหน้าที่ ออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย โดยการออกใบแทนหนังสือรับรองการหักภาษี
- การออกใบแทน ต้องมีข้อความว่า “ใบแทน” และลงลายมือชื่อรับรองด้วย
- รายการประเภทเงินได้พึ่งประเมินที่จ่ายในหนังสือรับรองภาษี ณ ที่จ่าย จะระบุประเภทเงินได้พึ่งประเมินที่จ่ายเพียงประเภทเดียว โดยจะไม่ระบุประเภทอื่นด้วยก็ได้
- กรณีผู้มีหน้าที่ ออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย ซึ่งได้มีการหักภาษี ณ ที่จ่ายจากเงิน ได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (1) แห่งประมวลรัษฎากร (เงินเดือน ค่าจ้าง ฯลฯ) และได้มีการหักเงินได้ดังกล่าวเขากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนประกันสังคม กองทุน บำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) และกองทุนสงเคราะห์ตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน จะระบุ จำนวนเงินที่ได้หักจากเงินได้ดังกล่าวของผู้มีเงินได้เข้ากองทุนดังกล่าวในแต่ละประเภทภาษีในหนังสือรับรองการ หักภาษี ณ ที่จ่ายก็ได้
- การลงชื่อของผู้มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ในหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย จะใช้ วิธีประทับลายมือชื่อ ด้วยตรายาง หรือจะพิมลายมือชื่อโดยเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ได้มีการเก็บลายมือไว้ก็ได้ (SCAN)
- กรณีจ่ายเงินได้ตามมาตรา 50 (4) แห่งประมวลรัษฎากร เฉพาะกรณีที่จดแจ้งการหักภาษีไว้ ในฎีกาเบิกเงินและได้ออกใบรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย ตามระเบียบของทางราชการแล้ว ให้ยกเว้นการ ออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย
แบบฟอร์มหนังสือรับรองหัก ณ ที่จ่าย หรือ แบบฟอร์ม 50 ทวิ excel a4
ดาวน์โหลด หัก ณ ที่จ่าย ฟรี
หนังสือรับรองการหัก ภาษี ณ ที่จ่าย pdf
ดาวน์โหลด.pdf
หนังสือรับรองการหัก ภาษี ณ ที่จ่าย excel
ดาวน์โหลด.xls
หนังสือรับรองการหัก ภาษี ณ ที่จ่าย doc
ดาวน์โหลด.docx
หนังสือรับรองการหัก ภาษี ณ ที่จ่าย ภาษาอังกฤษ pdf
ดาวน์โหลด.pdf
หนังสือรับรองการหัก ภาษี ณ ที่จ่าย ภาษาอังกฤษ excel
ดาวน์โหลด.xls
หนังสือหัก ณ ที่จ่าย ภาษาอังกฤษ doc
ดาวน์โหลด.docx
ใบหักภาษี ณ ที่จ่าย
ใบหักภาษี ณ ที่จ่าย หรือ หนังสือรับรองหัก ณ ที่จ่าย คือเอกสารที่ผู้จ่ายเงินที่มีหน้าที่หัก ณ ที่จ่าย ออกให้ผู้รับเงินเมื่อได้ทำการหักเงินบางส่วนไว้ตามข้อกำหนดของกรมสรรพากร โดยหนังสือรับรองหัก ณ ที่จ่ายนี้ต้องออกให้แก่ผู้รับเงิน 2 ฉบับที่มีข้อความตรงกัน
ด้านผู้มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย
- ให้กรอกเลขประจำตัวประชาชน หรือเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร ชื่อ ที่อยู่ ของผู้มีหน้าที่หัก
- ให้กรอกเลขประจำตัวประชาชน หรือเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร ชื่อ ที่อยู่ ของผู้ถูกหัก
- ทำเครื่องหมาย “ 3” ลงในช่อง “ ” หน้าประเภทแบบยื่นรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย
- และกรอกรายละเอียดตามประเภทที่จ่ายเงินได้ และต้องการหักภาษี ณ ที่จ่าย
การลงลายมือชื่อ
- ให้ลงลายมือชื่อผู้จ่ายเงินหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย
- ระบุ วัน เดือน ปี ที่ออกหนังสือรับรองฯ
- ประทับตรานิติบุคคล (ถ้ามี)
- ประเภทที่ต้อง
เงื่อนไขการหักภาษี ณ ที่จ่าย
ไม่หัก สำหรับยอดที่ไม่เกิน 1,000 บาท สำหรับยอดเล็ก ๆ ที่ไม่ถึง 1,000 บาท เช่น จ้างทำรูป หรือนามบัตรเพียงครั้งเดียว ทางกรมสรรพากรมีข้อกำหนดว่าไม่ต้องทำการหักภาษี ณ ที่จ่าย
ค่าใช้จ่ายที่ต้องหัก ณ ที่จ่าย
- หัก 1% สำหรับค่าขนส่งทุกๆ ครั้งที่มีการขายของและขนส่ง โดยที่บริษัทหรือนิติบุคคลที่ให้บริการจะต้องขึ้นทะเบียนเป็นผู้ให้บริการขนส่ง เช่น บริการขนส่งสินค้าจากบริษัท โลจิสติกส์ เป็นต้น จะต้อง หัก ณ ที่จ่าย 1% แต่ถ้าคุณยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นนิติบุคคลก็ยังไม่ต้องหัก
- หัก 2% สำหรับค่าโฆษณาการโฆษณาสินค้าตามสื่อโฆษณาต่างๆ ผ่านเอเจนซี บริษัทรับโฆษณา เพื่อช่วย “ประกาศ” ให้แบรนด์หรือสินค้าเป็นที่รู้จักผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ หรือช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ เช่น Facebook, Instagram ที่ไม่ใช่บริการด้านการตลาด ทำหัก ณ ที่จ่าย 2%
- หัก 3% สำหรับจ้างรับเหมาหรือบริการต่างๆค่าบริการที่เกิดขึ้นในกิจการทุกอย่างจะต้องมีการ หัก ณ ที่จ่าย 3% เช่น บริการรับจ้างทำของ จ้างทำนามบัตร จ้างทำกราฟิก จ้างช่างภาพมาถ่ายรูป จ้างบล็อกเกอร์รีวิวสินค้า จ้างตกแต่งภายใน บริการสถานที่ ซอฟต์แวร์ โทรศัพท์ อินเทอร์เน็ต จ้างทำบัญชี ก็เข้าข่ายนี้ เพราะถือเป็นการให้บริการ
- หัก 5% สำหรับค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์คนที่ไม่มีสถานที่เป็นของตนเอง หากจะดูว่าเป็นค่าเช่าหรือค่าบริการให้ดูจากสิทธิในการถือกุญแจ ถ้าเช่าสถานที่เพื่อจัดสัมมนา หรือจัดอีเวนต์ชั่วคราวถือเป็นค่าบริการ ทำหัก ณ ที่จ่าย 3% แต่ถ้าเราถือกุญแจจะถือเป็นค่าเช่าสถานที่ต้องหัก ณ ที่จ่ายจากเจ้าของที่ดิน 5%
นอกจากนี้ยังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีกที่ต้องหัก 5% เช่น เช่ารถยนต์ ค่าจ้างนักแสดง ดารา นักร้อง อาชีพเพื่อการบันเทิง และเงินรางวัลจากการแข่งขันหรือการชิงโชคต่างๆ ด้วย
ไม่นำส่ง หรือ นำส่งไม่ครบถ้วน
- ถ้าผู้จ่ายเงินซึ่งมีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย มิได้หักและนำเงินส่ง หรือได้หักและนำเงินส่งแล้ว แต่ไม่ครบจำนวนที่ถูกต้อง ผู้จ่ายเงินต้องรับผิด ร่วมกับผู้มีเงินได้ในการเสียภาษีที่ต้องชำระตาม จำนวนเงินภาษีที่มิได้หักและนำส่ง หรือตามจำนวน เงินที่ขาดไปแล้วแต่กรณี ในกรณีที่ผู้จ่ายเงินได้ หักภาษีไว้แล้ว ให้ผู้มีเงินได้ซึ่งต้องเสียภาษี พ้นความรับผิดที่จะชำระเงินภาษีเท่าจำนวนที่ผู้จ่าย เงินได้หักไว้ และให้ผู้จ่ายเงินรับผิดชำระภาษีจำนวน นั้นแต่ฝ่ายเดียว (มาตรา 54 แห่งประมวลรัษฎากร)
- ถ้าผู้จ่ายเงินซึ่งมีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย ไม่นำเงินภาษีที่ตนมีหน้าที่หักไปนำส่งภายใน กำหนดเวลา จะต้องรับผิดเสียเงินเพิ่มอีกร้อยละ 5 ต่อเดือน หรือเศษของเดือนของเงินภาษีที่ต้องเสีย หรือนำส่งโดยไม่รวมเบี้ยปรับ
ผู้มีหน้าที่หัก ภาษี เงินได้
กรณี ผู้มีหน้าเสียภาษีอยู่ภายในประเทศ
ม.4(1) เงินเดือน ค่าจ้างฯลฯ
ผู้มีหน้าที่หักภาษีผู้ถูกหักภาษีผู้จ่ายเงินทุกรายบุคคลธรรมดา
วิธีคํานวณภาษี/หักภาษีร้อยละ
กรณีทั่วไป -นําเงินได้พึงประเมินที่คาดว่าได้รับทั้งปีหักออกด้วยค่าใช้จ่ายและค่า ลดหย่อนเหลือเท่าใดเป็นเงินได้สุทธิ แล้วนําไปคํานวณภาษีตามบัญชี อัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จะได้ภาษีที่ต้องชําระทั้งปีแล้วหาร ด้วยจํานวนครั้งที่จ่าย จะได้จํานวนภาษีที่ต้องหักแต่ละครั้ง *เงินได้สุทธิ 150,000 บาทแรก ได้รับการยกเว้นภาษี กรณีเงินได้ครั้งเดียว เพราะเหตุออกจากงาน -นําเงินได้เพราะเหตุออกจากงานหักออกด้วยค่าใช้จ่าย เท่ากับ 7,000 บาท คูณจํานวนปีที่ทํางาน เหลือเท่าใดหักค่าใช้จ่ายได้อีก 50% แล้วนํา เงินที่เหลือไปคํานวณภาษีตามบัญชีอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา *เงินได้สุทธิ 150,000 บาทแรก ที่ได้รับการยกเว้นภาษีไม่ให้นํามาใช้ ในกรณีนี้ “เงินได้สุทธิ 100,000 บาทแรก คงเสียภาษีอัตราร้อยละ 5 ตามปกติ
ม.50(1)ม,48(5)ภ.ง.ศ. 1/นําส่งภายใน วันที่ 1-7ของเดือน ถัดไปจากเดือนที่จ่าย เงินได้
ม.40(2) การรับทํางานให้ ค่า นายหน้า ฯลฯ
กฎหมายที่เกี่ยวข้องแบบที่กําหนด เวลานําส่ง–ภ.ง.ด.1/นําส่งภายในวันที่ 1-7 ของเดือนถัดไปจาก เดือนที่จ่ายเงินได้
ม.40(3) ค่ากู๊ดวิลล์, ลิขสิทธิ์ สิทธิอย่างอื่น ฯลฯ
ผู้มีหน้าที่หักภาษีผู้ถูกหักภาษีผู้จ่ายเงินที่เป็นนิติบุคคลผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
วิธีคํานวณภาษี/หักภาษีร้อยละ
หักภาษีตามบัญชีอีตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
ภ.ง.ด.2/นําส่งภายในวันที่ 1-7 ของเดือนถัดไปจาก เดือนที่จ่ายเงินได้
ม.40(4)(ก) เฉพาะดอกเบี้ยจาก พันธบัตร/เงินฝาก/ เงินฝากสหกรณ์/หุ้นกู้ ตั๋วเงิน/เงินให้กู้ยืม
ผู้มีหน้าที่หักภาษี
ผู้ถูกหักภาษี
ผู้จ่ายเงินที่เป็นนิติบุคคลผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
วิธีคํานวณภาษี/หักภาษีร้อยละหักภาษีร้อยละ 15 (ยกเว้นภาษีเฉพาะตั๋วเงินหรือตราสารฯ ที่ไม่มี ดอกเบี้ย ในกรณีผู้ ทรงคนแรกได้ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายแล้วตามกฎกระทรวง 126 ข้อ 2(30)(ข))