บทที่ 1
บทนำ
1.1 ที่มาและความสำคัญ
น้ำสมุนไพรพื้นบ้านเพื่อสุขภาพ
จากน้ำสมุนไพรที่พวกเราได้ศึกษาค้นคว้าสรรพคุณมาจำพวกช่วยดื่มเพื่อดับกระหายช่วยปรับแร่ธาตุและได้ทั้งสรรพคุณในการบำบัดรักษาโรคได้บางโรคที่สำคัญราคาไม่แพงดื่มได้ตลอดเวลาและไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพเพราะเกิดจากการใช้ใบดอกผลเกสรเปลือกรากของพืชสมุนไพรมาผ่านกระบวนการผลิตที่สะอาดปลอดภัยและสามารถนำมาทำเป็นผลิตภัณฑ์นำมาต่อยอดเพื่อสร้างรายได้ให้แก่ผู้ผลิตเครื่องดื่มสมุนไพรและเป็นที่นิยมสำหรับประชากรทั่วไปปัจจุบันผู้บริโภคเริ่มมองหาน้ำสมุนไพรเพื่อสุขภาพไม่เติมน้ำตาลมากขึ้นคนทั่วไปชอบดื่มน้ำสมุนไพรที่มาจากธรรมชาติและน้ำสมุนไพรบางอย่างก็มีส่วนช่วยเรื่องอาการปวดเมื่อยตามร่างกายและยังสามารถนำไปรักษาอาการเบื้องต้นได้อีกด้วยน้ำสมุนไพรบางตัวก็ช่วยกระหายน้ำได้จึงเป็นที่นิยมกับคนกลุ่มแม่บ้านพ่อบ้านครอบครัวและหมู่คนในโรงงานตามออฟฟิตต่างๆ
น้ำสมุนไพรเพื่อสุขภาพสามารถสร้างรายได้ให้กับกลุ่มแม่ค้าพ่อค้าได้เป็นอย่างดีและน้ำสมุนไพรที่คั้นออกมามีสรรพคุณแตกต่างกันไปเป็นที่รู้จักกันทั่วหลายบางตัวช่วยป้องกันโรคได้ตามขั้นๆจึงนิยมรักษาหรือคั้นน้ำสมุนไพรมากินป้องกันโรคและน้ำสมุนไพรหาปลูกได้ตามบ้านสะดวกและง่ายเช่นตะไคร้ขิงข่าใบเตย อัญชัน และอื่นๆน้ำสมุนไพรจะนิยมทำในพวกผู้สูงอายุวัยกลางคนหรือจะเป็นวัยรุ่นก็รับประทานได้ดีและช่วยป้องกันระบบทางเดินอาหารระบบย่อยอาหารน้ำสมุนไพรจะช่วยปรับให้ระบบในร่างกายของเราให้ปกติปรับสมดุลร่ายกายต่างๆสมุนไพรเพื่อสุขภาพในปัจจุบันดิฉันคิดว่าในการทำนี้มีกระบวนการทำที่ยากและลงทุนมาก ใช้ส่วนผสมเยอะ ถ้าซื้อก็ราคาแพงมาก ดิฉันจึงคิดว่าถ้าผู้คนในปัจจุบันหันมาทำน้ำสมุนไพรเพื่อสุขภาพทานกันเอง จะเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายและยังเป็นการใช้สมุนไพรในท้องถิ่นให้เกิดประโยชน์ ทำง่าย รับประทานแล้วเกิดประโยชน์แก่ร่างกายเป็นอย่างดี
นอกจากสมุนไพรจะทำเป็นน้ำได้แล้วส่วนประกอบของสมุนไพรที่ไม่สามารถนำมารับประทานได้แต่เอามาทำเป็นรักษาภายนอกได้เช่นช่วยป้องกันยุงกัดรักษาบาดแผลเป็นต้นน้ำสมุนไพรบางชนิดจะช่วยในการคลายร้อนผ่อนคลายร่างกายให้สดชื่นซึ่งมีประโยชน์ทางสรรพคุณหลายด้านหลายอย่างทำให้จิตใจชุ่มชื่นทำให้รู้สึกสบายและป้องกันโรคต่างๆแก้การกระหายน้ำได้ดีและสมุนไพรนอกจากน้ำแล้วก็ยังมาทำเป็นเครื่องสำอางผลิตภัณฑ์และป้องกันศัตรูพืชได้อีกด้วยสมุนไพรเป็นเครื่องเทศที่มีประโยชน์กับคนไทยทุกคนและเจริญเติบโตได้ดีในภูมิอากาศที่ค่อนข้างเย็นและคนส่วนใหญ่จะสนใจมาทำเป็นยารักษาอาการโรคต่างๆได้เป็นอย่างดีคนส่วนใหญ่จะนำสมุนไพรมาทำเป็นแพ็กเก็จให้ดูเก๋ต่อยอดน้ำสมุนไพรให้ดูมีราคาย่อมเยาและถูกหลักอนามัยสร้างรายได้ให้กับผู้ที่สนใจในน้ำสมุนไพรแก่ผู้บริโภคเป็นอย่างดีคนส่วนน้อยจะไม่ค่อยกินน้ำสมุนไพรเพราะคิดว่าน้ำสมุนไพรมีรสขมและไม่อร่อยเป็นส่วนมากจะคิดว่าน้ำสมุนไพรมีรสชาติอร่อยและปลอดภัยกับร่างกายมนุษย์ทุกๆคน
1.2 จุดประสงค์
1.2.1 เพื่อศึกษาค้นคว้าและให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องของน้ำสมุนไพรเพื่อสุขภาพ
1.2.2 เพื่อศึกษาค้นคว้าและให้ความรู้เกี่ยวกับแหล่งชุมชนที่สนใจมาเรียนรู้กับโครงการของเรา
1.2.3 เพื่อศึกษาค้นคว้าและให้ความรู้เกี่ยวกับสูตรน้ำสมุนไพรวิธีการทำน้ำสมุนไพรเพื่อสุขภาพ
1.2.4 เพื่อศึกษาค้นคว้าและให้ความรู้เกี่ยวกับผู้ที่สนใจได้ตระหนักและเข้าใจกับสรรพคุณของน้ำสมุนไพรเพื่อสุขภาพ
1.3ระยะเวลาการดำเนินการโครงการ (Gantt Chart)
ที่ | หัวข้อ | ต.ค. | พ.ย. | ธ.ค. | ม.ค. | ก.พ. | ||||||||||||||||
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | |||||
1 | เสนอหัวข้อโครงการ | |||||||||||||||||||||
2 | ศึกษาค้นคว้าที่มาของปัญหา | |||||||||||||||||||||
3 | ศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลที่เกี่ยวข้อง | |||||||||||||||||||||
4 | ลงมือสร้างผลิตภัณฑ์/วิธีการแก้ปัญหา | |||||||||||||||||||||
5 | นำผลิตภัณฑ์/วิธีการแก้ปัญหาไปทดลองใช้ | |||||||||||||||||||||
6 | นำผลิตภัณฑ์/วิธีการแก้ปัญหาปรับปรุงแก้ไข | |||||||||||||||||||||
7 | ลงมือสร้างสื่อให้ความรู้ | |||||||||||||||||||||
8 | ดำเนินโครงการ | |||||||||||||||||||||
9 | เก็บรวบรวบวิเคราะห์ข้อมูล | |||||||||||||||||||||
10 | สรุปและอภิปรายผลการดำเนินโครงการ | |||||||||||||||||||||
ตารางที่ 1.1 ระยะเวลาการดำเนินการโครงการ (Gantt Chart)
1.4 ขอบเขตของโครงงาน
ขอบเขตในการจัดทำโครงการครั้งนี้ แบ่งเป็น 3 ด้านประกอบด้วยขอบเขตด้านเนื้อหา ขอบเขตด้านวิธีการและขอบเขตด้านเวลาซึ่งแต่ละด้านมีรายละเอียดดังนี้
1.4.1 ขอบเขตด้านเนื้อหาศึกษาความรู้เกี่ยวกับการทำน้ำสมุนไพรพื้นบ้านศึกษาความรู้เกี่ยวกับสรรพคุณของน้ำสมุนไพรศึกษาความรู้เกี่ยวกับขั้นตอนการทำน้ำสมุนไพร
1.4.2 ขอบเขตด้านวิธีการ น้ำสมุนไพรพื้นบ้านเพื่อสุขภาพ ซึ่งมีวิธีทำดังนี้ เอาน้ำตั้งไฟพอเดือดจากนั้นใส่สมุนไพรเช่น กระเจี๊ยบ ใบเตย อัญชัน มะนาว ตะไคร้ ตามที่เราต้องการต้มจนออกสีและเดือดจากนั้นตักสมุนไพรที่เราต้มออกจากหม้อใส่น้ำตาลรสชาติที่ต้องการ สมุนไพรบางอันต้องใส่เกลือ มะนาวกับกระเจี๊ยบ พอใส่น้ำตาลก็รอจนน้ำเดือดได้รสชาติที่เราต้องการแล้วนำมากินกับน้ำแข็งเย็นๆ
1.4.3 ของเขตด้านเวลา โครงการนี้ดำเนินการในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2559
1.5 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
1.5.1 ผู้เข้าร่วมโครงการมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสรรพคุณของน้ำสมุนไพรมากขึ้น
1.5.2 ผู้เข้าร่วมโครงการมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับน้ำสมุนไพรเพื่อสุขภาพ
1.5.3 ผู้เข้าร่วมโครงการมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับคนในชุมชนได้ทราบถึงสูตรและวิธีการทำน้ำสมุนไพร และ สามารถนำสูตรกลับไปทำรับประทานเองได้ที่บ้าน
1.5.4 ผู้เข้าร่วมโครงการมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีการคั้นน้ำสมุนไพรตามขั้นตอนที่ถูกต้อง
1.6งบประมาณ
1 | กระเจี๊ยบแห้ง | 30 บาท |
2 | มะนาว | 30 บาท |
3 | เกลือ | 5 บาท |
4 | น้ำตาล 2 กิโล | 44 บาท |
5 | ขวด | 80 บาท |
6 | กระดาษสติ๊กเกอร์ | 150 บาท |
7 | น้ำแข็ง | 32 บาท |
รวม | 371 บาท |
ตางรางที่ 1.2 ตารางค่าใช้จ่ายในการทำโครงการ
1.7 นิยามศัพท์เฉพาะ
1.7.1 น้ำสมุนไพรหมายถึง เครื่องดื่มที่ได้จากส่วนประกอบต่างๆ ของพืชที่นำมาแปรรูปให้เหมาะสมตามฤดูกาลและมีราคาย่อมเยา ปราศจากสารพิษและมีรสชาติถูกปากและมีรสชาติตามธรรมชาติของสมุนไพรนั้นๆ
1.7.2 มะนาว หมายถึง เป็นผลไม้ชนิดหนึ่งซึ่งมีรสเปรี้ยวจัดอยู่ในตระกูลส้ม มีผลสีเขียวเหลืองคนนิยมเอาผลมะนาวมาคั้นเป็นน้ำรับประทานแก้อาการเจ็บคอ และนิยมนำมาปรุงอาหารให้มีรสชาติจี๊ดจ๊าด
1.7.3 ตะไคร้ หมายถึงมีลักษณะเป็นกอคล้ายกอหญ้ามีใบเรียว และสามารถนำต้นตะไคร้ไปประกอบอาหารได้ เอาไปต้มเป็นน้ำสมุนไพรได้ คนส่วนนิยมรับประทานน้ำตะไคร้กินเป็นยาได้ดี
1.7.4 ใบเตยหมายถึง ใบเตยมีสรรพคุณบำรุงหัวใจและช่วยลดอาการกระหายน้ำ กลิ่นใบเตยจะหอมเฉพาะตัวเมื่อนำไปต้มน้ำจะรู้สึกชุ่มคอ และให้ความชื่นใจของน้ำใบเตย
1.7.5 อัญชัน หมายถึง เป็นไม้เถาลำต้นมีขนนุ่ม มีถิ่นกำเนิดในแถบอเมริกา ปลูกได้ทั่วไปในเขตร้อน อัญชัน นำดอกของมันมาทำเป็นน้ำสมุนไพรได้ แก้กระหายน้ำ บำรุงสายตาได้อีกด้วย
1.7.6 กระเจี๊ยบ หมายถึงไม้พุ่มขนาดเล็ก ทั้งลำต้นและกิ่งก้านมีสีม่วงแดง ใบมีหลายแบบด้วยกัน ขอบใบเรียบ บางทีก็มีรอยหยักเว้า 3 หยัก สีของดอกมีสีชมพู ตรงกลางดอกมีสีเข้มมากกว่าและกลีบเลี้ยงจะเจริญเติบโตขึ้นอีกเกิดเป็นสีม่วงแดงเข้มหุ้มเมล็ดเอาไว้ภายในภาคเหนือเรียกว่า ผักเก๊งเค็ง ภาคกลางเรียก กระเจี๊ยบ ผลของกระเจี๊ยบมีรสเปรี้ยว