Myungyeol ม งอ ดอ ดท ไร เป นเร องท กท

WH: XX, hi~ Fan: Hello.. WH: Wow, what grade are you in~? (signing Fan: Middle school 3rd year! WH: Middle school 3rd year?! Middle school 3rd year??!! Then…born in 2000?? Fan: Born in 2001! WH: Born in 2001?!!?!! Fan: Yeah..ㅎㅎㅎ WH: Do you want to get married to oppa?ㅎㅎ Fan: Yesㅠㅜ WH: That’s a crime, a crime!! Grow a bit more and then come back, okay~? Fan: Hehe (holds out a choker) Oppa, can you wear this just once..? WH: Huh? Where do you put this on? Fan: On your neck! WH: My neck? Put this on for me~ (sticks his face forward Fan: H..Huh? Okay..!! (trembling Manager: No it takes too long. Just put it on his arm or go Fan: (hesitating WH: Ah, leave the kid alone, she’s putting it on for me. Go on, put it on, put it on for me, XX-ya~ Fan: (trembling) (It doesn’t fit Woohyun’s neck very well; struggling because it barely goes around his neck) Manager: No, it’s too small, it’s too small. Go WH: No, she’s done! Thank you~ (Locks fingers for both hands and shakes them) Fan: Hehe oppa, can I get your thumbprint on the album…? WH: Thumbprint? Haa~ (blows air on his thumb and stamps it) Touch it when you want to hold hands with me!!ㅋㅋ Fan: Thank youㅠㅠㅠ WH: ㅎㅎTake care~~~~

I literally came back crying ㅠㅠㅠㅠㅠㅠㅠㅠㅠㅠㅠㅠㅠㅠㅠ After he was done with signing, Woohyun touched the choker and said “I’m gonna take it off it’s too suffocating I can’t breathe”ㅋㅋㅋㅋ I felt really bad and couldn’t say anything but others told him to keep wearing it and hang on for a little longer..ㅋㅋㅋㅋ Thank you..

\==

Fan Account 2 (twt 89to93)

During the fan sign he talked for a long timeㅠㅠㅠㅠㅠ Even when the staff was telling us to go, Woohyunie kept holding on to the album, didn’t let go of fan’s hand, and kept talking and stuffㅠㅠㅠㅠㅠㅠㅠㅠㅠㅠㅠㅠㅠㅠㅠㅠㅠㅠㅠ

He was talking with a fan And when the staff was like we’ll move on now Woohyunie said after I listen to herㅠㅠㅠㅠㅠㅠㅠㅠㅠNam Woohyun I love youㅠㅠㅠㅠㅠㅠㅠㅠㅠㅠㅠ

\==

Fan Account 3 (twt LupinNamu)

I’ll say this again.. Me: Am I cute? WH: Of course Me: Do you like me? WH: No I love you (Faints

\==

Fan Account 4 (twt namstarnam)

Me: Oppa hello WH: Oh? Long time no see Me: Do you remember me? WH: Yes, but I know for sure that I’m not an oppa to you Me: Darn it (Both laugh) WH: How old your son now? Me: 5 years old WH: Wow he must’ve grown so much

\==

Fan Account 5 (twt ifntranyo)

So effing cute how he smiles after hiding the album and the fan looks back Some fan reached out to get her album and he was like fooling around hiding it behind his back so effing cute ㅠㅠㅠㅠㅠㅠ so cute ㅠㅠㅠㅠ Nam Woohyun is the cutest in this world ㅠㅠㅠㅠ He would rub the album on his clothes saying that it got dirty with his fingerprints ㅠㅜㅜㅜㅜㅜ (dead)

\==

Fan Account 6 (twt dropp8482)

Thank you for wearing this flower crown for so longㅜ so prettyㅜ When I said “Long time no see” and he said “I know, I missed you”, I had to hold my tears back. Put the flower crown on him and quivered cuz he was so pretty Our beautiful Namu I love you

Said it’s his wish to make a small theater and hold performances there, hold events there, and meet with fans. 200, 300 seats ㅋㅋ He says the competition is our own ㅋㅋㅋㅋㅋㅋㅋㅋㅋㅋㅋㅋ

\==

Fan Account 7 (twt oooziyoung)

My fan account for Woohyun’s fan sign Me: Sobㅠㅠ Oppa on mine your eyes are open ㅜㅜ (T/N: Talking about the album) WH: Oh? It’s the limited edition? ㅋㅋ What number are you? Me: 971 WH: You barely made itㅋㅋㅋㅋㅋㅋㅋ

Me: Oppa can I show you the prettiest thing in this world? WH: (confused Namu) Me: (shows him the mirror) WH: I am pretty Me: Prettiest in this world (x2) Oppa can I pet your head just this once? (T/N: The way she phrases it makes it hard to distinguish who’s supposed to pet whose head) WH: (extends his hand to pet my head) Me: No, I’ll do it —-interruption—- WH: No it’s okay (then stuck his head out ㅜㅠ) Me: (pet pet) WH: How is it? Me: (thumbs up) I went back (to my seat) after saying bye with our fingers laced sobㅜㅜㅜㅜㅜㅜㅠㅜ You’re too handsome ㅠㅜㅜㅠ

นัมอูฮยอนมองหน้าพี่ใหญ่ของวงที่วันนี้เกิดใจดีขออนุญาติพี่ผู้จัดการพาอูฮยอนกับเมมเบอร์อินฟินิทอีกสามคนมาเลี้ยงเนื้อย่างหลังทำงานเสร็จ

“พี่กยู… ถามจริง วันนี้พี่ถูกลอตเตอรี่มาหรือไง ?”

อูฮยอนถามอย่างจริงจังจนคนถูกถามปล่อยเสียง ‘พรืด’ ออกมาจากจมูก

คนรักของเค้าคิดว่าคิมซองกยูเป็นคนยังไง แค่พาแฟนกับน้องๆมาเลี้ยงจะต้องรอให้ถูกหวยก่อนหรือไง ?

“ถามอะไรแบบนั้นเล่า? แค่พามาเลี้ยงเนื้อย่าง ไม่ต้องถูกหวยก็เลี้ยงได้น่ะ”

ซองกยูพูดปนเสียงหัวเราะเค้าเอื้อมมือไปใช้ตะเกียบกลับชิ้นเนื้อที่อยู่บนเตาย่าง เมิ่อเห็นว่าสุกได้ที่แล้วจึงคีบใส่จานอูฮยอน

“แต่มันก็น่าสงสัยอยู่ดี…”

เมนโวคอลทำหน้ายุ่ง เค้ามองสบตากับอีซองจงที่นั่งอยู่ตรงข้าม แววตามักเน่ก็บอกความสงสัยพอๆกับอูฮยอนนั่นแหละ เพียงแต่ว่าเจ้าเด็กแสบนั่นไม่กล้าถามฮยองของเค้าตรงๆเท่านั้นเอง

แต่ที่ไม่เคยจะสงสัยในความผิดปกติอะไรกับใครเค้าเลยก็คงเป็นคู่หูแรพเปอร์ไลน์ล่ะมั้ง เพราะทั้งโฮวอนแล้วก็ดงอูเอาแต่ย่างเนื้อแล้วก็ผลัดกันคีบใส่จานให้กันและกันกินอย่างเอร็ดอร่อย เสียงคุยเสียงหัวเราะงี้ดังไม่ขาดสายแถมโฮวอนยังคีบเนื้อป้อนดงอูซะด้วย

เอ่ออ .. มันจะมีความสุขกันมากเกินไปไหมวะครับ

อูฮยอนคิดในใจ

“แล้วทำไมฮยองถึงพามาแค่พวกเราห้าคนล่ะครับ? แอลฮยองกับซองยอลลี่ฮยองก็ยังไม่ได้ทานข้าวเย็น เราทิ้งสองคนนั้นมาแล้วฮยองสองคนนั้นจะทานอะไร?”

มักเน่คนสวยถามได้ตรงกับความคิดอูฮยอนพอดีเป๊ะ

นั่นน่ะสิ…พวกเค้าออกมาจากหอมานั่งกินเนื้อย่างกันหมดแบบนี้อีซองยอลเด็กประถมรู้เข้าคงโวยหูแตกว่าโดนทิ้ง

แถมทิ้งอย่างเดียวไม่ว่า

ทิ้งให้อยู่กับคนที่กำลังมีปัญหากันอยู่อย่างมยองซูซะด้วย !

“ไม่ต้องห่วงหรอก.. สองคนนั่นเดี๋ยวมันก็หาข้าวเย็นกินเองได้น่ะ ถ้ามันยังอยากจะกินอ่ะนะ”

ลีดเดอร์อินฟินิทพูดกลั้วเสียงหัวเราะเมื่อนึกถึงน้องชายอีกสองคนของเค้า

เมื่อบ่ายมยองซูมาขอร้องเค้าว่าให้ช่วยพาเมมเบอร์คนอื่นๆออกไปจากหอหน่อยเพราะหมอนั่นอยากอยู่กับซองยอลตามลำพังเนื่องจากมีเรื่องที่จะต้องเคลียร์กัน

คิมซองกยูยังจำประโยคสนทนาระหว่างเค้ากับมยองซูได้ดี

‘เคลียร์? แสดงว่านายสองคนมีปัญหากันจริงๆใช่ไหม?’

‘ก็ไม่เชิงว่าปัญหา…’

มยองซูพูดพร้อมกับทำหน้ายุ่ง

‘แต่ฉันไปทำให้ซองยอลเค้าไม่พอใจนิดหน่อยเราก็เลยไม่ได้คุยกัน แล้วก็.. อย่างที่พี่เห็นนั่นแหละ’

‘แล้วนายไปทำอะไรให้ซองยอลโกรธเข้าล่ะ?’

ซองกยูกอดอกถาม เค้าคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างมยองซูกับซองยอลไม่น่าจะใช่เรื่องร้ายแรงอะไรนัก เพราะเมมเบอร์อินฟินิทก็มักจะมีเรื่องเล็กๆน้อยๆมาทะเลาะกันให้เห็นเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ไม่นานทุกคนก็คืนดีกันได้จนเป็นเรื่องปกติ

‘ฉันไม่ได้ทำอะไร ก็แค่… จูบเค้า’

‘ห๊ะ!?’

ซองกยูคิดว่าตัวเองได้ยินผิดไป ก็เลยถามซ้ำเพื่อความแน่ใจ

‘นายทำอะไรนะ?’

‘จูบอีซองยอล’

มยองซูตอบอย่างชัดเจน

“จูบเค้า? แล้วอยู่ดีๆนายไปจูบซองยอลเค้าทำไม?”

“แล้วพี่จูบอูฮยอนทำไมล่ะ?”

คนเป็นน้องย้อนถาม

“ไอ้บ้านี่! ก็นั่นมันแฟนฉัน!”

“ซองยอล… ก็คนที่ผมอยากจะเป็นแฟนด้วยเหมือนกัน เหตุผลแค่นี้มันพอที่จะจูบเค้าไหมล่ะกยูฮยอง?”

เพราะไอ้เหตุผลสั้นๆของหมอนั่นนี่แหละที่ทำให้คิมซองกยูตกลงยอมช่วยเหลือมยองซูด้วยการพาเมมเบอร์คนอื่นๆออกมาจากหอแล้วทิ้งสองคนนั้นไว้ด้วยกันตามลำพังเพื่อให้มยองซูเคลียร์กับซองยอลได้สะดวก

คิมซองกยูเป็นพี่ชายที่ดีใช่ไหมล่ะ ถึงแม้ว่าเงินค่าเนื้อย่างที่เค้าพาน้องๆออกมาเลี้ยงในวันนี้มยองซูจะเป็นคนจ่ายก็เถอะ ”

“ฮยองพูดอะไรแปลกๆ”

อีซองจงพูดแล้วก็กัดตะเกียบค้างไว้ด้วยความสงสัย คิมซองกยูดูท่าทางอารมณ์ดีผิดปกติแถมยังพูดจาแปลกๆ น่าสงสัยจริงๆ

“นั่นสิ~ พี่กยู พี่ก็รู้นี่ว่าสองคนนั่นมันทะเลาะกันอยู่ แล้วทิ้งพวกมันไว้ด้วยกัน ดีไม่ดีเกิดฆ่ากันตายคาหอขึ้นมาใครจะคอยห้าม ซองยอลมันยิ่งใจร้อนอยู่ด้วย!”

“ไม่ฆ่าหรอกน่ะ มยองซูมันไม่ฆ่าซองยอลหรอก ทำได้ซะที่ใหน”

ซองกยูพูดแล้วก็หัวเราะ จนน้องสองคนยิ่งสงสัยมากขึ้นอีก

“พี่กยู… นี่พี่คงไม่ได้ไปรู้อะไรมาหรอกนะ?”

อูฮยอนวางตะเกียบ ไม่กินมันล่ะเนื้อย่าง ตอนนี้คำพูดของคนรักเค้ามันน่าสนใจยิ่งกว่าของกินจานใหนๆซะอีก !

“เปล๊า~ จะรู้อะไร ไม่มี๊”

เสียงสูงปรี๊ดแบบนั้น เค้าคงจะเชื่อกันอ่ะนะ คิมซองกยู

“พี่ซองกยู~”

“กยูฮยอง~”

ทั้งแฟนและน้องชายคนเล็กพากันเรียกชื่อเค้าอย่างคาดคั้นจะเอาความจริงให้ได้ แล้วดูอูฮยอนสิ จ้องเค้าตาเป๋งขนาดนั้น คงไม่มีใครรู้สินะว่าคิมซองกยูน่ะไม่เคยมีอะไรที่จะปิดบังนัมอูฮยอนได้เพราะเจ้าตัวเล็กนั่นมีสารพัดวิธีที่จะเอามาคาดคั้นให้คิมซองกยูยอมเปิดปาก

ครั้งนี้ก็เหมือนกัน

“ก็ไม่มีอะไรจริงๆ จริงๆนะอูฮยอน ซองจง”

พี่ใหญ่หันไปทางน้องอีกสองคนที่ดูเหมือนจะหลุดไปจากวงโคจรการสนทนาของพวกเค้า

แต่อีโฮวอนกับจางดงอูก็ยังเอาแต่ย่างเนื้อแล้วก็คีบใส่จานให้กันและกันประหนึ่งว่าโลกนี้มีเพียงแค่แรพเปอร์ไลน์อยู่ด้วยกันสองคน

อื้มมม … สวีทกันไปเถอะ จะได้ไม่ต้องมาช่วยอูฮยอนซักฟอกเค้า แค่ซองจงคนเดียวก็จะแย่ล่ะ

“คิมซองกยู.. จะพูดหรือไม่พูด”

เมนโวคอลทำเสียงขู่บังคับราวลีดเดอร์ทำอะไรผิดมาสว่นมักเน่ก็มองการซักฟอกพี่ชายคนโตอย่างนึกสนุก ริมฝีปากเรียวบางปรากฎรอยยิ้มขบขัน

คิมซองกยูไม่มีทางหลบเลี่ยงนัมอูฮยอนได้หรอก ไม่เชื่อก็คอยดูละกัน

“อูฮยอนอ่าา…”

ลีดเดอร์ทำเสียงโอดครวญ

“มันเรื่องของมยองซูกับซองยอลจะให้พี่พูดให้พวกนายฟังได้ยังไง…”

พูดแบบนี้ก็แสดงว่ารู้อะไรมาจริงๆสินะคิมซองกยู

อูฮยอนมองหน้าคนรัก ยิ้มหวานให้คนเห็นใจเต้นตึกตัก

“ฉันถามพี่ครั้งสุดท้าย จะเล่าหรือไม่เล่า เลือกเอาว่าอยากจะทำตัวเป็นพี่ชายที่ดีช่วยมยองซูปิดบังพวกเรา หรือว่าคืนนี้จะหอบหมอนกับผ้าห่มออกไปนอนนอกห้อง ! ”

______________________________________________________________________

“ไม่ต้องไปหรอก ตอนนี้ไม่มีใครอยู่บ้าน นอกจากฉันกับนาย…”

คำพูดของคนที่ยืนขวางอยู่ตรงหน้ายิ่งทำให้ซองยอลตัวเย็นวูบด้วยความหวาดหวั่น

คนอื่นๆหายไปใหนกันหมด ? ทำไมทั้งหอเหลือแค่เค้ากับมยองซู

หมอนี่ต้องโกหกเค้าแน่ๆก็เมื่อกี๊ก่อนลงจากรถเค้ากับอูฮยอนยังคุยกันอยู่ว่าเย็นนี้ซองยอลจะเป็นคนช่วยอูฮยอนทำมื้อเย็นเอง แล้วเพื่อนรักของเค้าจะไปใหนได้ยังไงในเมื่อเค้ากับอูฮยอนนัดกันไว้แล้ว

“อย่ามาล้อเล่นนะ มยองซู!”

เสียงหวานๆแหวใส่มยองซู แต่ต่อให้ทำเสียงดังแกล้งเป็นโมโหกลบเกลื่อนยังไงมันก็ไม่สามารถปกปิดได้ว่าอีซองยอลกำลัง “กลัว” มยองซูอยู่

“ทำไมจะต้องล้อเล่น ? ”

มยองซูย้อนถาม ใบหน้านิ่งๆนั่นมีแววพึงพอใจที่ทุกอย่างเป็นไปตามที่เค้าต้องการ ตั้งแต่ที่คิมซองกยูยอมช่วยเหลือเค้าด้วยการพาเมมเบอร์คนอื่นๆออกไปจากหอ และอีซองยอลอยู่ในห้องนอนตอนเค้าเข้ามาพอดี . . .

วันนี้นายหนีฉันไปใหนไม่พ้นหรอกนะ อีซองยอล

มยองซูยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปากในขณะที่หันหลังไปกดล็อคประตูห้อง

กริ๊กก …

“ไอ้บ้า! มยองซู ล็อกประตูทำไมแล้วคนอื่นๆไปใหน!?”

ซองยอลถามเสียงดัง ปลายเสียงสั่นอย่างไม่สามารถควบคุมได้ ลางสังหรณ์บางอย่างบอกเค้าว่าวันนี้ ตอนนี้มยองซูน่ากลัวกว่าทุกวัน

และอีซองยอล คงจะแย่แน่ๆ !

“คนอื่นไปใหน? อืมม ไม่รู้สิ..”

มยองซูเดินเข้าไปใกล้คนตรงหน้าทีละก้าว ทีละก้าว ท่าทีของเค้าไม่ได้คุกคามน่ากลัวแต่สำหรับคนที่หวาดหวั่นอยู่เป็นทุนเดิมอย่างซองยอลแล้ว มันยิ่งน่ากลัวมากไปกว่าอะไรทั้งหมด !!

“ส่วนที่ล็อกประตู ก็เพราะฉันอยากอยู่กับนาย…”

ลำแขนแข็งแรงรั้งเอวเล็กของคนที่อยู่ตรงหน้าเข้ามาใกล้

“..แค่สองคน”

“………………”

ห้องแคบๆนั้นเงียบสนิทเมื่อมยองซูพูดจบประโยค ซองยอลไม่ได้ยินเสียงอะไรอีกนอกจากเสียงเต้นของหัวใจตัวเองที่ดังไม่เป็นจังหวะและรัวเร็วเสียจนน่ากลัวว่ามันจะทะลุออกมาจากอก

มยองซู… นายกำลังจะแกล้งฉันอีกแล้วใช่ไหม ?

“อย่ามายุ่งกับฉัน!”

มือเล็กพยายามแกะมือของอีกคนออกจากเอวตัวเอง แต่มยองซูก็ยิ่งทำให้มันยากเข้าไปอีกเมื่อเค้าสอดแขนอีกข้างกอดเอวซองยอลไว้แล้วรั้งร่างโปร่งเข้าสู่อกกว้าง ยิ้มเจ้าเล่ห์ปนล้อเลียนใส่ดวงตาตื่นๆของซองยอล

“ทำไมจะยุ่งไม่ได้ ในเมื่ออยากจะยุ่ง”

“คิมมยองซู ! ”

“ครับ? อีซองยอล”

ไอ้หมอนี่มันไปหัดกวนประสาทคนมาจากใหน มีใครบอกอีซองยอลได้บ้าง !!

“มยองซู… นายอย่าแกล้งฉันเลยนะ”

ซองยอลพูดเสียงเบาลงเพราะรู้ดีว่ายังไงตัวเองก็ไม่มีทางหลุดไปจากอ้อมกอดของมยองซูได้ ต่อให้เค้าจะใช้แรงทั้งหมดดิ้นรนถอยหนี แต่เค้าก็คงยากจะเอาชนะมยองซูได้ ในสถานการณ์แบบนี้ การดิ้นรนขัดขืนจะยิ่งทำให้อีซองยอลมีแต่แพ้กับแพ้ แล้วยังจะเป็นการเปิดโอกาสให้มยองซูถึงเนื้อถึงตัวมากขึ้นไปอีก

การพูดดีๆกับมยองซูน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า บางทีมยองซูอาจจะยอมปล่อยเค้าก็ได้

“อย่าแกล้งฉันอีกเลยนะ มยองซู…”

เสียงหวานพูดซ้ำอย่างน่าเห็นใจ ใบหน้าเล็กๆที่อยู่ห่างจากปลายจมูกของมยองซูเพียงแค่ฝ่ามือกั้นกำลังทำสีหน้าอ้อนวอนพอๆกับแววตา

“ใครบอก.. ว่าฉันจะแกล้งนาย ? ฉันเคยบอกเหรอว่าฉันจะแกล้งนาย หืออ ? ซองยอล”

ปลายจมูกโด่งเลื่อนไปแตะที่แก้มของคนที่อยู่ตรงหน้า สูดกลิ่นความหอมหวานติดผิวของอีกฝ่ายที่มยองซูอยากจะสัมผัสมานาน

“ไม่..”

ซองยอลหันหน้าหนี ผิวหน้าข้างนั้นร้อนวูบตั้งแต่แก้มไปจนถึงลำคอ ทั้งความรู้สึกปั่นป่วนที่เกิดขึ้นเป็นระลอกตั้งแต่เห็นหน้ามยองซูก็ยิ่งมากขึ้นทุกที

“ไม่อะไร ? ไม่อยากให้ทำแบบนี้ หรือ ไม่อยากให้เลิกทำแบบนี้ หือ?”

“ฉันไม่อยากให้นายทำกับฉันแบบนี้…”

ซองยอลแข็งใจสบตาคนตรงหน้า เค้าควรจะพูดกับมยองซูให้รู้เรื่องว่าเค้าไม่อยากให้มยองซูทำแบบนี้ ถึงซองยอลจะปฎิเสธไม่ได้ว่ามยองซูทำให้เค้ารู้สึกดี และเคลิบเคลิ้มไปการกระทำนั้น

แต่ว่า.. คนอย่างอีซองยอลก็ไม่ใช่ของเล่นที่จะยอมให้คิมมยองซูมาปั่นหัวเหมือนกัน !

“ทำไม ? ”

“…………….”

“ทำไม ถึงไม่ชอบ?”

มยองซูถามเสียงเบา ดวงตาสีเข้มที่มองคนตรงหน้าฉายแววหวาดหวั่นปนกับไม่มั่นใจในคำตอบที่ตัวเองจะได้ยิน

หรือว่าอีซองยอล จะไม่ได้รู้สึกดีกับเค้ามากพอ?

“ฉันไม่ชอบ… ฉันไม่อยากถูกนายแกล้ง ไม่อยากถูกนายปั่นหัว ทำให้รู้สึก.. แบบนั้น ฉันไม่อยากเป็นตัวตลกของนาย”

“ฉันไม่เคยคิดว่านายเป็นตัวตลก ไม่เคยคิดว่าจะแกล้งปั่นหัวนาย ไม่ใช่เลยอีซองยอล…”

มยองซูพูดอย่างจริงจัง ใบหน้าหล่อจัดซบลงกับใหล่ของคนในอ้อมกอด เสียงห้าวกระซิบแผ่วเบาที่ริมใบหู

“ที่ทำไปทั้งหมดฉันทำไปเพราะอะไรนายไม่รู้จริงๆเหรอ อีซองยอล?”

ร่างโปร่งไหวสะท้านด้วยความรู้สึกอ่อนหวานที่มยองซูถ่ายทอดออกมาผ่านน้ำเสียงนั้น

“ที่ทำไปทั้งหมดก็เพราะฉันอยากอยู่ใกล้นาย รู้บ้างไหม อีซองยอล…”

“…………”

“อยากอยู่ใกล้นาย อยากทำให้นายรู้สึกดี ทำให้นายสวยขึ้น ทำให้นายมั่นใจว่านายก็น่ารักไม่แพ้ใครคนใหน ที่ทำไปทั้งหมด แล้วก็ที่อยากทำทั้งหมด…”

คนพูดขยับศีรษะจากใหล่เล็ก มองสบตาคนตรงหน้าอีกครั้ง ดวงตาสีดำเข้มสะกดให้อีซองยอลมองตอบในขณะที่ถ่ายทอดความรู้สึกอ่อนหวานของตัวเองเข้าสู่หัวใจคนฟัง …

“เพราะฉันชอบนาย ไม่เคยรู้ตัวบ้างเลยเหรอ อีซองยอล?”

มยองซู…

มยองซูชอบเค้า

คิมมยองซูบอกว่าเค้าชอบอีซองยอล . . .

“มยองซู…”

อีซองยอลกระซิบเรียกชื่อคนตรงหน้า รู้สึกหัวใจพองโตขึ้นจนแทบจะล้นอก ความรู้สึกอ่อนหวานเอ่อล้นเต็มหัวใจ

ไม่ใช่มีแต่เค้าเพียงคนเดียวที่เฝ้ามองมยองซูตลอดมา

ไม่ใช่มีแต่อีซองยอลคนเดียวที่มีความรู้สึกดีๆมากเกินกว่าคำว่าเพื่อนร่วมวงให้มยองซู

แต่เป็นพวกเค้าทั้งคู่ ที่ต่างก็มีความรู้สึกอ่อนหวานแบบนั้นมอบให้กันและกัน เพียงแต่ทั้งมยองซูและซองยอลไม่เคยที่จะถ่ายทอดความรู้สึกนั้นให้อีกคนรับรู้ เท่านั้นเอง …

มยองซูปล่อยมือออกจากเอวเล็ก ฝ่ามือหนาเลื่อนขึ้นมาแตะที่แก้มนุ่มนิ้วหัวแม่มือวางลงบนริมฝีปากที่เพิ่งถูกเค้าจูบอย่างหนักหน่วงไปเมื่อช่วงบ่ายวันนี้ ความชุ่มชื้นและนุ่มนวลที่รู้สึกได้ทำให้มยองซูหัวใจเต้นแรงขึ้นพร้อมๆกับที่ลมหายใจเริ่มจะติดขัด และขาดห้วงขึ้นทีละนิด

“ขอจูบ ได้ ไหม?”

มยองซูพูดพร้อมกับแลบลิ้นเลียริมฝีปากที่แห้งผากของตัวเอง เค้าไม่อยากใช้ความเอาแต่ใจของตัวเองบีบบังคับทำให้อีซองยอลคล้อยตามอย่างที่ผ่านมา แต่มยองซูจะทำให้อีซองยอลตอบรับเค้าอย่างเต็มใจ ทั้งเรื่องที่เค้าเพิ่งขออนุญาติไปเมื่อกี๊ และเรื่องของความรู้สึกดีๆที่เค้าเพิ่งสารภาพกับอีซองยอลไป มยองซูก็จะไม่ถามอีกฝ่ายว่ารู้สึกแบบเดียวกับเค้าหรือไม่ แต่เค้าจะรอให้อีซองยอลพูดออกมาเอง

ซองยอลไม่ยอมอ้าปากตอบรับหรือปฎิเสธคำขอของมยองซู ดวงตากลมโตเบนหลบสายตาที่มองตรงมาอย่างเขินอาย แก้มขาวมีริ้วสีชมพูอ่อนจางแต้มขึ้นอย่างน่ามอง

เขินจะตายอยู่แล้ว …

มยองซูถามแบบนี้จะให้เค้าตอบว่ายังไงได้

“ขอจูบ ได้ไหมครับ ? ”

เสียงห้าวถามซ้ำเมื่อยังไม่ได้คำตอบ ริมฝีปากอุ่นยิ่งเลื่อนเข้าไปใกล้ริมฝีปากของอีซองยอลมากขึ้นทุกที

มาถึงขนาดนี้ ต่อให้อีซองยอลไม่อนุญาติมยองซูก็คงจะหยุดตัวเองไม่ได้แล้ว …

ซองยอลหลับตาลงพร้อมๆกับที่ยกแขนทั้งสองข้างขึ้นวางบนใหล่ของมยองซู และโดยที่ไม่มีใครต้องพูดอะไรกันอีก ริมฝีปากอุ่นจัดก็ประทับลงบนเรียวปากของอีซองยอล แผ่วเบา อ่อนหวาน และเต็มไปด้วยความรู้สึกอบอุ่นในหัวใจทั้งสองดวง

ดีพคิสครั้งที่สี่ ที่หวานล้ำยิ่งกว่าครั้งใหนๆ

มยองซูกอดรัดคนในอ้อมกอดไว้แนบแน่นในขณะที่บดเบียดรอยจูบลงบนกลีบปากบาง ลมหายใจของพวกเค้าสองคนประสานเป็นลมหายใจเดียวกันเช่นเดียวกับร่างสองร่างที่แนบชิดกันด้วยการโอบกอดของมยองซู

ริมฝีปากบางถูกมยองซูตักตวงชิมความหอมหวานอย่างหลงใหล ทั้งแผ่วเบาสลับกับหนักหน่วง ฟันคมของมยองซูขบลงบนริมฝีปากล่างก่อนที่จะบดริมฝีปากอุ่นจัดซ้ำลงมาครั้งแล้วครั้งเล่า ปลายลิ้นนุ่มถูกมยองซูหยอกล้อด้วยลิ้นของเค้า ทั้งเกี่ยวรัด ดูดดึงด้วยริมฝีปากจนอีซองยอลรู้สึกเหมือนตัวเองใกล้จะขาดใจตาย แต่ความรู้สึกอ่อนหวานในหัวใจที่กำลังแผ่ขยายไปทั่วร่างกายอยู่ในขณะนี้ถ้าต้องแลกมาด้วยการขาดใจตาย อีซองยอลก็คิดว่ามันคุ้มเกินคุ้ม

ถ้าต้องตายด้วยการจูบของมยองซู ต่อให้ต้องตายซักสิบครั้ง อีซองยอลก็พร้อมที่จะแลก …

______________________________________________________________________

ร่างโปร่งถูกดันลงบนที่นอน มือเรียวขยุ้มอยู่ที่ปกเสื้อเชิร์ตของคนที่กำลังจะทาบทับตามลงมา ดวงตาสองคู่มองประสานกันอย่างอ่อนหวาน

“มยองซู…”

ซองยอลเรียกเค้าเสียงสั่น ร้อนวูบไปทั่วร่างเมื่อรู้ดีว่าอะไรที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไป

“หืออ ? ”

มยองซูตอบรับในลำคอ ร่างหนาคร่อมทับอยู่ด้านบน มือใหญ่แตะอยู่ที่พวงแก้มอิ่ม แววตาคู่คมที่มองอีซองยอลเต็มไปด้วยความรู้สึกเร่าร้อนจนซองยอลไม่สามารถที่จะมองตอบสายตาคู่นั้นได้

“ฉันจะทำให้นายสวยขึ้น จนไม่มีใครจะมาว่านายได้อีก”

มยองซูก้มลงกระซิบที่ริมใบหูนุ่ม

“ให้ฉันรักนายนะ อีซองยอล … ”

“ให้ฉันรักนายนะ อีซองยอล…”

อีซองยอลหลับตาลงแทนการตอบรับคำขอที่แสนจะอ่อนหวานของคิมมยองซู ริมฝีปากบางเผยอขึ้นสูดลมหายใจที่เริ่มจะขาดช่วงเข้าสู่ปอด ปลายเล็บที่เกร็งจิกลงบนปกเสื้อของมยองซูบอกชัดว่าเจ้าตัวกำลังตื่นเต้นขนาดใหน

ผิวขาวสะอาดปรากฎสู่สายตาของมยองซูหลังจากที่เค้าค่อยๆปลดกระดุมเสื้อของซองยอลออก ผิวขาวจัดของคนที่หลับตาพริ้มอยู่ตรงหน้าช่างเชิญชวนให้มยองซูรีบลงมือทำความต้องการของตัวเอง

อยากจะสัมผัสคนตรงหน้าไปเสียทุกส่วน

อยากจะครอบครองร่างตรงหน้าให้เป็นของมยองซูเพียงคนเดียว …

“อื้ออ…”

ซองยอลสงเสียงครางในลำคอเมื่อปลายจมูกของมยองซูซุกไซร้เข้าที่ซอกคอ ร่างโปร่งหันหน้าหนีจากสัมผัสที่ให้ความรู้สึกประหลาดที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน แต่การกระทำแบบนั้นก็เหมือนกับยิ่งทำให้มยองซูสัมผัสผิวนุ่มๆตรงซอกคอนั้นได้ถนัดกว่าเดิม

มือเรียวผลักใหล่หนาให้มยองซูถอยห่างเมื่อความรู้สึกหวาดกลัวสั่งให้ปกป้องตัวเองตามสัญชาติญานแต่แล้วมันก็อ่อนแรงลงเมื่อมยองซูเพิ่มความหนักหน่วงของริมฝีปากลงบนซอกคอขาว

“ไม่ต้องกลัวนะ ซองยอล”

เสียงห้าวที่แหบพร่ากระซิบพูดที่ริมหูอีกครั้งฟันคมเลื่อนไปขบเม้มที่ใบหูนิ่มแผ่วเบาอย่างยั่วเย้า แต่มันกลับทำให้ร่างโปร่งสะดุ้งราวกับถูกแตะต้องด้วยเปลวไฟ

ท่าางของอีซองยอลทำให้มยองซูยิ้มกับตัวเองอย่างพึงพอใจ

น่ารักจริงๆ อีซองยอล

สติที่มีเหลืออยู่เพียงน้อยนิดของซองยอลทำได้แค่เพียงรับรู้ถึงสัมผัสจากปลายจมูกโด่งและริมฝีปากร้อนจัดนั้นไม่เหลือเรี่ยวแรงที่จะปฏิเสธหรือจะถามอีกฝ่ายกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นเลยแม้แต่นิด

และเมื่อรู้สึกตัวอีกทีมือใหญ่ของมยองซูก็กำลังปลดกระดุมเสื้อเชิร์ตเม็ดสุดท้ายของซองยอลออกก่อนจะดึงมันออกและโยนทิ้งไปอย่างไม่รู้ทิศทาง ริมฝีปากร้อนผ่าวกดจูบสลับกับเลียไล้ปลายลิ้นบนซอกคอขาวเพื่อชิมรสชาติของเรือนร่างแสนหวานของอีซองยอล

“อ๊ะ…

เสียงหวานครางแผ่วเบาในลำคอเมื่อปลายนิ้วแกร่งขยับไปแตะต้องยอดอกสีชมพูสวยอย่างหนักหน่วง

ส่วนมืออีกข้างนึงของมยองซูค่อยๆเลื่อนลงไปถอดกางเกงยีนส์ของซองยอลออกก่อนที่จะเริ่มสัมผัสไปตามร่างกายด้านล่างของอีกฝ่ายอย่างหลงใหล

“ม มยองซู อ๊ะ…”

ดวงตาของอีซองยอลเปิดขึ้นมองคนตรงหน้าอีกครั้ง เจ้าตัวคงไม่รู้เลยว่าดวงตาหวานเชื่อมกับริมฝีปากที่เผยอหอบนั้นมันเย้ายวนอารมณ์ของมยองซูมากเพียงใด แล้วใบหน้าที่อยู่ห่างจากใบหน้าของมยองซูเพียงแค่ฝ่ามือกั้นนั้นปลุกเร้าให้ความต้องการของมยองซูนั้นเพิ่มมากยิ่งขึ้นจนไม่มีอะไรมาหยุดยั้งได้อีกแล้ว …

ริมฝีปากอุ่นเลื่อนไปประทับลงบนกับริมฝีปากนุ่มอีกครั้ง ทั้งๆที่มยองซูอยากจะครอบครองเป็นเจ้าของร่างโปร่งบางตรงหน้านี้โดยเร็วที่สุดให้สมกับที่เขาเฝ้ามองอีซองยอลมาแสนนาน แต่มยองซูก็ต้องอดทน เค้าจะต้องไม่ทำให้อีซองยอลตกใจและตื่นกลัว มยองซูจะต้องปรนเปรอสัมผัสอ่อนหวานนุ่มนวลให้อีซองยอลแทนการเร่งเร้าเอาแต่ใจตัวเอง

ลิ้นสากเริ่มล่วงล้ำเข้าสู่โพรงปากนุ่มอีกครั้งปลายลิ้นแตะเข้ากับแนวฟันเรียบสวยสร้างความซาบซ่านให้คนในอ้อมกอดอย่างหยอกเย้า ความหอมหวานจากอีซองยอลเชิญชวนให้มยองซูยิ่งกดรอยจูบให้ลึกล้ำมากขึ้น ในขณะที่ปล่อยให้หัวใจและร่างกายได้ดื่มด่ำไปกับรสชาติน่าหลงใหลของอีกฝ่าย มือเล็กยิ่งกำเสื้อของมยองซูแน่นขึ้นเพื่อระบายความรู้สึกซาบซ่านมากมายที่ประดังขึ้นมา

มือหยาบจัดการถอดกางเกงตัวสุดท้ายของซองยอลออก ภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้ายิ่งทำให้มยองซูไม่อยากเชื่อว่าเค้ากำลังจะได้เป็นเจ้าของอีซองยอล

ใบหน้าหวานสวยที่ขึ้นสีชมพูเรื่อด้วยแรงอารมณ์ ดวงตากลมโตที่วาววับด้วยน้ำตาจากความซาบซ่านที่มยองซูปรนเปรอให้เมื่อครู่ก่อน

รูปร่างบอบบางกับผิวพรรณขาวสะอาดที่มีเหงื่อเม็ดเล็กๆซึมอยู่ทั่วกายช่างดูเซ็กซี่เย้ายวนจนคนมองต้องแลบลิ้นออกมาแตะริมฝีปากของตัวเอง

ใครกันนะที่กล้าบอกว่าอีซองยอลไม่สวย ..

ในเมื่อเรือนร่างขาวนุ่มน่าสัมผัส เอวเล็ก สะโพกมน เรียวขายาวสวย และส่วนอื่นๆที่ปรากฎอยู่ตรงหน้ามยองซูในตอนนี้นั้นมันช่างดูน่าหลงใหลไปเสียหมด

สวย.. จนคนมองจะขาดใจตายอยู่แล้วอีซองยอล

สวย.. จนมยองซูอยากจะกลายเป็นปีศาจที่สามารถกลืนกินร่างโปร่งบางตรงหน้าเข้าไปได้หมดทั้งตัว

สวย.. จนมยองซูไม่อาจละสายตาไปทางใหนได้แล้ว

อีซองยอล . . .

มือหยาบตรงเข้าครอบครองส่วนอ่อนไหวของร่างโปร่งไว้อีกครั้งก่อนจะค่อยๆ ขยับขึ้นลงช้าๆนิ้วหัวแม่มือกดเลื่อนขึ้นลงจนสุดปลาย ในขณะที่มืออีกข้างเลื่อนไปลูบไล้อยู่ที่สะโพกกลมอย่างปรนเปรอ ซองยอลปรือตาขึ้นมองสิ่งที่ตัวเองกำลังโดนกระทำอย่างอยู่ด้วยสายตาพร่ามัว เสียงครางหวานที่ถูกปล่อยออกมาอย่างแผ่วเบานั้นมันเป็นเสียงที่ไพเราะเป็นอย่างมากสำหรับคนฟังอย่างมยองซู

“อื้ม อื้ออ…”

ซองยอลนอนบิดตัวไปมามือเรียวจิกทึ้งผ้าปูที่นอนจนยับย่นด้วยความซาบซ่านจากการถูกปรนเปรอ หยาดน้ำใสเริ่มไหลซึมออกมาจากปลายส่วนอ่อนไหว ริมฝีปากสีสดที่มยองซูจับจ้องอยู่เผยอออกเพื่อหอบหายใจสลับกับส่งเสียงคราง ใบหน้าหวานซับสีชมพูเรื่อเริ่มมีเม็ดเหงื่อไหลออกมาเล็กน้อย ส่งผลให้อีซองยอลดูสวยเซ็กซี่มากขึ้นอีกเป็นเท่าตัว

สวย.. ราวกับคนตรงหน้าคืองานผลงานศิลปะที่มยองซูสร้างสรรค์ขึ้นมาด้วยสองมือของตัวเอง

สวย.. จนอยากจะทำให้สวยยิ่งกว่านี้

มยองซูใช้โพรงปากอุ่นจัดเข้าครอบครองแก่นกายที่สั่นระริกของอีกฝ่าย ลิ้นร้อนดุนดันที่ส่วนปลายเพื่อชิมรสชาดหยาดน้ำใสแสนหวานนั้นอย่างพึงพอใจ

ความซาบซ่านที่ปกคลุมไปทุกส่วนของร่างกายนั้นทำให้ซองยอลตัวเกร็งพลางบิดร่างกายไปมาด้วยความทรมาน

“อ๊า… อ๊ะ มยองซู พอได้แล้ว อื้ออ”

นิ้วเรียวจิกลงกับผ้าปูที่นอนเพื่อระบายความรู้สึกปวดเกร็งตรงส่วนปลาย ยิ่งเมื่อได้รับรู้ถึงความอุ่นร้อนในโพรงปากของมยองซู มันยิ่งทำให้ซองยอลบิดกายด้วยความทรมานมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วยิ่งเมื่อมยองซูเพิ่มความเร็วในการรุกเร้ามากขึ้นเสียงครางหวานเรียกชื่อมยองซูก็ยิ่งดังออกมาจากริมฝีปากบางอย่างที่เค้าต้องการให้เป็น

“ไม่… อื้ออ.. มยองซู มยอง…อ๊า!”

สะโพกแอ่นเกร็งขึ้นด้วยความซาบซ่านที่ถึงจุดสิ้นสุด ของเหลวอุ่นข้นถูกฉีดเข้าสู่โพรงปากร้อนผ่าวให้มยองซูกลืนกินทุกหยาดหยดนั้นอย่างพึงพอใจ ริมฝีปากหยักกดเม้มหนักๆตรงส่วนปลายก่อนจะผละริมฝีปากออกจากการครอบครองอีซองยอล

ร่างโปร่งบางหอบหายใจติดขัด ลมหายใจถี่รัวเร็วและแรง ไม่เคยรู้สึกตื่นเต้นเหมือนจะขาดใจตายแบบนี้มาก่อน และยิ่งไม่เคยแม้แต่จะคาดคิดว่าตัวเองกับมยองซูจะทำในสิ่งที่กำลังกระทำกันอยู่ในตอนนี้

“มยองซู~”

เสียงหวานเรียกเค้าแล้วก็ทำตาปรอยท่าทางอ่อนล้าของคนที่ยกแขนขึ้นมาจะกอดเค้าแล้วก็ร่วงผล็อยลงไปซะเฉยๆมันทำให้คนเห็นชักจะหมันเขี้ยว

ยั่วกันเหรอ… อีซองยอล

“แค่นี้ก็หมดแรงซะแล้วเหรอ?”

มยองซูขยับขึ้นไปจูบเบาๆที่มุมปากของอีกคนถามอย่างหยอกล้อพร้อมยิ้มที่มุมปากใส่ดวงตาปรือปรอยคู่นั้น

ดวงตากลมโตที่มองตอบเค้าอย่างเหน็ดเหนื่อยมันดูน่ารักจนมยองซูอยากจะแกล้งให้ซองยอลหมดแรงจนทำไม่ได้แม้แต่จะขยับกายห่างออกไปจากเค้า

ร่างโปร่งถูกมยองซูจับพลิกให้คว่ำหน้าลง หมอนใบใหญ่ถูกมยองซูคว้ามารองไว้ใต้เข่าองซองยอล ขายาวเรียวถูกดันให้ห่างออกจากกัน เผยให้เห็นช่องทางรักสีชมพูบอบบางที่ไม่เคยมีใครได้แตะต้อง

“มยองซู… จะทำอะไร?”

คนถูกถามไม่ได้ให้คำตอบ แต่กลับลงมือทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการ ร่างโปร่งบางบางสะดุ้งสุดตัวด้วยความเจ็บเมื่อรับรู้ได้ว่ามีสิ่งแปลกปลอมกำลังรุกรานเข้ามาภายในร่างกาย ปลายนิ้วแกร่งที่กำลังสอดเข้ามาในช่องทางด้านหลังอย่างช้าๆทำให้ซองยอลต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด

“อ๊า เจ็บ! มยอง มยองซู… เอาออกไป”

หยาดน้ำใสคลอหน่วยเต็มดวงตาคู่สวย ร่างโปร่งบางดิ้นพล่านพยายามดันตัวเองออกห่างแต่ทำไม่ได้เพราะมยองซูกางแขนออกกอดรัดรอบเอวบางไว้ เล็บคมจิกลงกับผ้าปูที่นอนเพื่อระบายความเจ็บปวดเมื่อสิ่งที่ร้องขอไม่ได้เป็นไปตามที่หวัง ซ้ำปลายนิ้วแกร่งยังเคลื่อนลึกเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ

“ฮึกกก ฉันเจ็บ…”

มยองซูขยับเข้าออกช้าๆให้ปลายนิ้วแกร่งเสียดสีกับผนังร้อนนุ่มที่รัดแน่น สัมผัสที่ได้รับนั่นมันแทบจะทำให้เค้าแทบจะทนไม่ไหว แต่ก็พยายามข่มใจที่จะทำไปอย่างช้า ๆ เพื่อที่ตัวเองและซองยอลจะได้รับความหอมหวานที่ปรารถนามานานได้อย่างเต็มที่

“อย่าเกร็งสิซองยอล ถ้าเกร็งมากก็จะยิ่งเจ็บนะ”

เสียงห้าวพูดปลอบอย่างอ่อนโยน ริมฝีปากอุ่นแตะจูบลงบนแผ่นหลังเนียน แตะปลายลิ้นออกชิมรสเหงื่อของซองยอล ในขณะที่มือใหญ่อีกข้างเลื่อนไปกอบกุมส่วนกลางลำตัวของซองยอลอีกครั้งจนร่างโปร่งกระตุกเกร็งตัวด้วยทั้งความเจ็บและความซาบซ่านซ่านต่างเล่นงานโจมตีเค้าอย่างทรมานที่สุด ทั้งด้านหน้าที่ถูกมยองซูปรนเปรอ ทั้งด้านหลังที่ถูกนิ้วสอดหายเข้ามาในร่างกายของเค้า แล้วยังจะรอยจูบแผ่วเบาที่มยองซูพรมลงบนแผ่นหลังบางแทบจะทุกตารางนิ้วจนทำให้ซองยอลแทบจะละลายนี่อีก

หัวสมองมึนงงและว่างเปล่าไปหมดแล้ว ตอนนี้ตัวเองทั้งทรมานและมีความสุขปะปนอยู่ด้วยกันอย่างแยกไม่ถูก

“อึก… อื้ม มยองซู…”

ซองยอลกรีดร้องออกมาเมื่อมยองซูจัดการเพิ่มจากนิ้วเดียวกลายเป็นสองความคับแน่นที่เพิ่มขึ้นนั้นทำให้ร่างโปร่งดิ้นพล่านอย่างน่าสงสาร

“อ๊า… มยองซู ฉันอึดอัด”

ริมฝีปากสีสดขบเม้มเข้าหากันจนเป็นเส้นตรง ฟันคมขบกัดริมฝีปากตัวเอง

มือร้อนจัดยังคงปรนเปรอให้ซองยอลผ่อนคลายอยู่เช่นเดิมเดิมแต่นิ้วที่เพิ่มจำนวนขึ้นนั้นกำลังเคลื่อนเข้าออกในร่างกายของซองยอลลึกขึ้นเรื่อยๆแล้วเมื่อมยองซูจัดการกระแทกนิ้วให้แรงขึ้นไปอีกเสียงหวานก็ยิ่งกรีดร้องออกมาอย่างหมดสิ้นความอับอาย

“อ๊า อ๊ะ อย่านะ อ๊า”

ใบหน้าหวานเชิดขึ้นสูง ดวงตาคู่สวยเบิกกว้าง ร่างโปร่งบางเกร็งไปตั้งแต่ปลายนิ้วมือถึงปลายเท้าเมื่อความสุขสมถูกปลดปล่อยออกมาอีกครั้งแล้วเสียงกรีดร้องเพราะความทรมานปนกับความสุขนั้นยิ่งทำให้คนที่ได้ยินอยากจะให้คนที่อยู่ตรงหน้านี้ร้องออกมาให้มากกว่าเดิม

อยากให้อีซองยอลคนนี้ร้องเรียกแต่ชื่อของมยองซูเพียงคนเดียวเท่านั้น …

กระจกเงาบานใหญ่ที่ตั้งอยู่ปลายเตียงสะท้อนให้เห็นว่าตอนนี้อีซองยอลนั้นดูสวยและเซ็กซี่มากกว่าเดิมอีกหลายเท่าตัว ใบหน้าหวานที่แดงซ่านเพราะเพิ่งจะปลดปล่อยความทรมานไปเมื่อครู่ เรือนผมสีดำสนิทที่คลอแก้มใสอยู่บางส่วน หยดเหงื่อที่ไหลจากขมับลงมาตามใบหน้า ดวงตาสวยที่หรี่ลง ริมฝีปากสีอ่อนที่เผยอขึ้นหอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ภาพที่เห็นผ่านกระจกเงาตรงหน้านั้นทำให้มยองซูไม่รีรออีกต่อไป

มือหยาบจัดการยกสะโพกอีซองยอลให้แอ่นสูงขึ้นสัดส่วนกำยำถูกจ่อที่ช่องทางบอบบางส่วนปลายที่แข็งขึงดันเบาๆตรงช่องทางนั้นไปมาเพื่อเป็นการกระตุ้น แล้วเสียงหวานก็กรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวดอีกครั้ง

“อ๊า!!”

มยองซูสอดกายแทรกเข้าไปในช่องทางบอบบางนั้นจดหมดก่อนจะนิ่งอยู่ซักครู่เพื่อให้ร่างกายของซองยอลได้ปรับสภาพ

“ฮึก ฉันเจ็บ… มยองซู เอาออกไป”

“อื้ม… ซองยอล.. เดี๋ยวก็ไม่เจ็บแล้วนะ”

ร่างหนาโน้มกายลงกอดรัดให้แผ่นหลังบางแนบชิดกับอกกว้าง ใบหน้าหล่อจัดซุกไซ้อยู่ที่ซอกคอที่เปียกชื้นไปด้วยเหงื่อพร้อมกับที่เริ่มต้นขยับสะโพกเคลื่อนไหว

“อ๊ะ… อ๊า…”

มยองซูขยับกายเข้าออกช้าๆแต่หนักหน่วงลิ้นร้อนแลบเลียริมฝีปากที่แห้งผากของตัวเองก่อนนระขบเม้มสร้างรอยรักแสดงความเป็นเจ้าของลงบนซอกคอของซองยอล พร้อมๆกับที่เค้าโถมตัวกระแทกกายเข้าไปในช่องทางบอบบางอย่างไม่ยั้งมือ

“อ๊า อ๊ะ อึก…”

เสียงหวานที่กรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวดนั้นแฝงไปด้วยความสุขที่ไม่เคยได้รับมาก่อน มือเรียวที่จิกผ้าปูที่นอนไว้แน่น ดวงหน้าเล็กที่ถูกมยองซูใช้มือจับคางไว้แหงนเงยขึ้นมองภาพที่เห็นในกระจกเงา

“เห็นไหม? ว่านายสวยแค่ใหน อีซองยอล”

เสียงห้าวที่ราวกับเป็นมนต์สะกดนั้นทำให้ซองยอลมองภาพที่เห็นอยู่เบื้องหน้าอย่างว่าง่าย ภาพในกระจกเงาบานใหญ่นั้นสะท้อนให้เห็นใบหน้าของอีซองยอลที่กำลังแดงก่ำ เหงื่อเม็ดเล็กๆผุดพรายเต็มหน้า ดวงตากลมโตที่มีน้ำตาคลออยู่เป็นประกายหวานฉ่ำรับกับเส้นผมสีดำสนิทชื้นเหงื่อที่เปียกลู่แนบแก้ม

คนในกระจกนั่น คนที่กำลังถูกมยองซูครอบครองอยู่คืออีซองยอล ที่ไม่เหมือนอีซองยอล …

อีซองยอล… ดูดีและเซ็กซี่ได้ขนาดนี้เลยเชียวหรือ?

มยองซูเงยหน้าขึ้นมองภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้าแววตาปรือปรอยและริมฝีปากบางที่อ้ากว้างส่งเสียงครางนั้นยิ่งทำให้เค้าเพิ่มแรกกระแทกเข้าใส่ร่างกายของซองยอลแรงและเร็วขึ้นอีกตามความต้องการที่พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ

“อ๊ะ อ๊า มยองซู มยอง…”

ช่องทางด้านหลังที่เริ่มรัดแน่นมากขึ้นเรื่อย ๆ นั้นทำให้มยองซูต้องกัดฟันแน่น ความซาบซ่านความหอมหวานที่ได้รับทำให้เค้ายิ่งลุ่มหลงในคนตรงหน้ามากกว่าเดิมหลายเท่าตัว

“ซองยอล ฉันรักนายนะ”

เสียงห้าวกระซิบคำบอกรักแผ่วเบาที่ริมหู

“อ่ะ.. อื้มม รัก รักมยองซู…”

เสียงหวานตอบกลับมาด้วยความหมายเดียวกัน

มยองซูกระแทกแกายให้เร็วแรงและลึกที่สุดเพื่อที่จะปลดปล่อยความทรมานที่แสนจะหอมหวานนี้ให้หมดไปเสียที

“อื้ม! อึก อ๊า~อื๊ออ”

ริมฝีปากสีอ่อนส่งเสียงร้องหวานหูออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า ร่างโปร่งสั่นไหวไปตามแรงกระแทกที่มยองซูส่งมา จนเค้าต้องกอดรัดไว้แน่นไม่ให้ซองยอลไถลไปไหน

จุดหมายปลายทางกำลังจะถึงในไม่ช้า อีซองยอลไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้นนอกจากสิ่งที่กำลังแทรกเข้ามาภายในกายของตัวเองเพียงอย่างเดียว มยองซูโถมร่างเข้าใส่อย่างไม่หยุดยั้ง จนไม่นานนักอีซองยอลก็หวีดร้องเสียงครางยาวนานออกมา

“อ๊าาา!”

พร้อมๆกับที่มยองซูกระแทกกายเข้าใส่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่ร่างกายของพวกเค้าสองคนจะออ่นยวบลงบนที่นอนนุ่ม

ดวงตาคู่สวยของซองยอลปรือลงอย่างหมดแรง เปลือกตาบางแทบจะเปิดไม่ไหวเพราะความเหนื่อยอ่อน

มยองซูขยับออกจากร่างโปร่งบาง พลิกคนหมดแรงให้นอนหงายก่อนจะกอดรัดเค้าไว้ในวงแขนอย่างรักใคร่ ดวงตาคมมองสบตาคู่สวยที่ใกล้จะปิดเต็มที มือหยาบเลื่อนไปแตะที่แก้มใสอย่างแผ่วเบา และใช้สายตาจดจ้องพิจารณาใบหน้าหวานสวยที่ปรารถนาจะครอบครองมานานด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหมายมากมาย

“ตอนนี้นายเป็นของฉันแล้วนะ อีซองยอล”

ซองยอลฟังเสียงห้าวที่พูดกับเค้าอยู่อย่างล่องลอย แม้จะเข้าใจชัดเจนในสิ่งที่มยองซูพูด แต่ความเหนื่อยอ่อนก็ทำให้เค้าพร้อมจะหลับไหลได้ทุกเมื่อ

“คนของฉัน.. จะสวยที่สุดในสายตาฉัน ต่อให้คนทั้งโลกจะมองว่ายังไงก็ตามแต่สำหรับฉันแล้ว นาย.. ดูดี และสวยยิ่งกว่าใครทั้งนั้น เลิกคิดมากแล้วก็เลิกดูถูกตัวเองได้แล้ว…”

ปลายจมูกโด่งกดลงบนเปลือกตาของอีซองยอล

“เข้าใจไหมครับ? คนสวย…”

ซองยอลพยักหน้ารับคำพูดที่มยองซูบอก ก่อนที่เปลือกตาบางจะปิดลงเมื่อเจ้าของดวงตาพาตัวเองเข้าสู่ห้วงนิทรา

มยองซูอมยิ้มอย่างนึกขำที่ซองยอลหลับไปซะเฉยๆ ความรู้สึกอ่อนหวานและความสุขมากมายยังคงเอ่อล้นเต็มหัวใจ

ถ้ารู้ว่าเป็นแบบนี้เค้าคงจะบอกอีซองยอลไปเสียนานแล้วว่าเค้าคิดยังไงกับอีกฝ่าย แล้วอีซองยอลก็คงไม่ต้องรู้สึกไม่มั่นใจในตัวเองเมื่อมาเจอคอมเมนต์เจ้าปัญหานั่นในแฟนคาเฟ่ แต่นึกอีกที ก็น่าขอบใจเจ้าของคอมเมนต์นั้นนะ ที่ช่วยทำให้เค้าได้เข้าใกล้กับอีซองยอล แล้วก็ได้ทำให้อีซองยอลสวยขึ้น… จนหลับไปแบบนั้น

ว่าแต่ว่า… สภาพของเค้ากับอีซองยอลในตอนนี้ ถ้าคิมซองกยูกับเมมเบอร์คนอื่นๆกลับหอมา มยองซูจะเอาอะไรมาอธิบายล่ะเนี้ยยย … ?

____________________________________________________________________ งานแถลงข่าวเปิดตัวซิงเกิ้ลใหม่ของอินฟินิท

นักข่าว สื่อมวลชน แฟนคลับบางส่วน และผู้ที่ได้รับเชิญต่างมานั่งรอการให้สัมภาษณ์ของนักร้องไอดอลชื่อดังวงอินฟินิทกันจนเต็มห้องแถลงข่าว

โปสเตอร์ขนาดใหญ่ที่ติดอยู่รายรอบห้องแถลงข่าวถูกจับจ้องและวิพากษ์วิจารณ์รูปลักษณ์ใหม่ของสมาชิกอินฟินิทและสิ่งที่ถูกจ้องมองด้วยความสนใจมากที่สุดคือโปสเตอร์ของอีซองยอล

และยิ่งเมื่อสมาชิกทั้งเจ็ดคนของอินฟินิทปรากฎตัวขึ้นแสงแฟลชจากล้องถ่ายรูปก็พากันสาดแสงเข้าใส่อีซองยอล

แววตาหวานสวยที่มองตอบกล้องนั้นเต็มไปด้วยชีวิตชีวาเป็นประกายสุกใสราวกับดวงดาว

ทรงผมสีน้ำตาลอ่อนที่ถูกปล่อยให้ยาวแล้วตัดเป็นทรงสวยรับกับศีรษะ

ดวงหน้าเรียวเล็กถูกเพิ่มความสวยหวานด้วยอายไลเนอร์ที่กรีดเส้นคมชัดลงบนขอบตา

ริมฝีปากบางเผยรอยยิ้มหวานสดใสส่งให้ทุกคนในห้องแถลงข่าว

ใบหน้าสดใสที่ดูดีขึ้นผิดหูผิดตาเมื่อเทียบการออกงานครั้งก่อนทำให้เกิดเสียงวิจารณ์กันว่าอีซองยอลไปทำอะไรมาถึงได้ดูโดดเด่นและเปล่งประกายขนาดนี้

แล้วยังเสียงหวานใสที่เอ่ยปากตอบคำถามในส่วนที่เป็นของตัวเองด้วยท่าทางรื่นรมย์แทรกเสียงหัวเราะเบาๆนั้นยิ่งทำให้อีซองยอลในวันนี้กลายเป็นจุดศูนย์รวมของความสนใจจากสายตาเกือบทุกคู่ในห้องแถลงข่าว

นักข่าวคนสุดท้ายที่ได้รับสิทธิ์ให้ถามคำถามลุกขึ้นยืนแล้วถามอีซองยอลถึงคำถามที่ทำให้ทุกคนในห้องแถลงข่าวต้องตั้งใจรอฟังคำตอบ

คำถามที่ว่า… อีซองยอลไปทำอะไรมาถึงได้ดูโดดเด่นขึ้นมากในอัลบั้มนี้ แปลได้ง่ายๆว่าทำไมอีซองยอลถึงสวยขึ้น นั่นแหละ …

คนถูกถามเอื้อมมือไปรับไมค์ที่ถูกส่งต่อมาจากคิมมยองซู อิมเมจของวงทำหน้านิ่งแบบที่ทุกคนเห็นจนชินตาแต่สำหรับคนใกล้ชิดอย่างอีซองยอล ดวงตาของมยองซูที่มองสบตาเค้าบอกได้อย่างชัดเจนว่ามยองซูกำลังหงุดหงิดและไม่พอใจจากสาเหตุอะไรบางอย่าง ไม่พอใจมาก… ถึงมากที่สุดเลยเชียวล่ะ !

ก็เพราะอีซองยอลดูดีขึ้นแบบนี้ใครต่อใครก็พากันจ้องมองด้วยความสนใจ ช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมานี้มยองซูก็เลยต้องหงุดหงิดแทบไม่เว้นแต่ละวันเพราะสายตาคนรอบข้างที่จ้องมองอีซองยอลอย่างสนใจ

คนขี้หวงอย่างคิมมยองซูน่ะถ้าทำได้คงแทบจะอยากจับอีซองยอลยัดลงกล่องเลยล่ะ คนอื่นจะได้ไม่ต้องมามองคนของเค้า !

ช่วยไม่ได้อ่ะนะ.. มยองซู ก็แฟนนายดันสวยนี่นะ

_____+

“ทำไมผมถึงดูดีขึ้นเหรอครับ เอ่…”

อีซองยอลลากเสียงยาว เค้าหัวเราะเบาๆกับคำถามที่จะว่าไปแล้ว มันก็น่าอายมากเหมือนกันถ้าจะตอบไปตามความเป็นจริงว่าเหตุผลที่ทำให้เค้าดูดีขึ้นมากจนทุกคนสงสัยกันอยู่นี่คือเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังทำหน้านิ่ง เงยหน้ามองเพดานราวกับจะติดต่อกับสิ่งมีชีวิตนอกโลกอยู่นั่น

คิมมยองซู…

ช่างเสริมสวยส่วนตัวที่อีซองยอลจ่ายค่าจ้างให้เป็นหัวใจหนึ่งดวง

“สาเหตุที่ผมดูดีขึ้นน่ะเหรอครับ…”

อีซองยอลหันมองคนที่นั่งข้างๆเค้าอีกครั้งแล้วก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่มยองซูหันหน้ามาสบตาซองยอลเข้าพอดี

ซองยอลยื้มนิดๆให้คนที่ทำหน้าบึ้งก่อนจะหันไปตอบคำถามให้จบ

นิ้วเรียวยกขึ้นแตะที่ริมฝีปาก ดวงตาเป็นประกายวิบวับมองจ้องอยู่ที่กล้องนับสิบที่กำลังถ่ายรูปเค้าอยู่

เสียงหวานใสหัวเราะนิดๆอย่างซุกซนตามแบบฉบับอีซองยอลเด็กประถมจอมแสบของอินฟินิท

แต่ว่าท่าแตะริมฝีปากกับกระพริบตาข้างนึงในขณะที่ตอบคำถามนั่นยิ่งทำให้สายตาทุกคู่ในห้องกว้างนั้นละออกจากอีซองยอลไม่ได้เลย

กระทู้ที่เกี่ยวข้อง

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก

ไทยแปลอังกฤษ แปลภาษาไทย ห่อหมกฮวกไปฝากป้าmv โปรแกรม-แปล-ภาษา-อังกฤษ พร้อม-คำ-อ่าน แปลภาษาอาหรับ-ไทย Terjemahan ข้อสอบคณิตศาสตร์ พร้อมเฉลย แปลภาษาอังกฤษเป็นไทย pantip ศัพท์ทางทหาร military words แอพแปลภาษาอาหรับเป็นไทย การ์ดแคปเตอร์ซากุระ ภาค 4 พจนานุกรมศัพท์ทหาร ศัพท์ทหาร ภาษาอังกฤษ pdf ห่อหมกฮวกไปฝากป้า หนังเต็มเรื่อง ไทยแปลอังกฤษ ประโยค lmyour แปลภาษา การ์ดแคปเตอร์ซากุระ ภาค 3 ประปาไม่ไหล วันนี้ ฝยก. ย่อมาจาก หยน ห่อหมกฮวก แปลว่า เมอร์ซี่ อาร์สยาม ล่าสุด แปลภาษาจีน ่้แปลภาษา onet ม3 การ์ดแคปเตอร์ซากุระ ภาค 1 ข้อสอบโอเน็ต ม.3 ออกเรื่องอะไรบ้าง ตตตตลก บบบย ห่อหมกฮวกไปฝากป้า คาราโอเกะ เขียน อาหรับ แปลไทย เนื้อเพลง ห่อหมกฮวก แปลไทย asus zenfone 2e กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น การประปานครหลวง ก่อนจะนิ่งก็ต้องกลิ้งมาก่อน เนื้อเพลง ข้อสอบภาษาอังกฤษ ม.ปลาย พร้อมเฉลย คะแนน o-net โรงเรียน ชขภใ ชื่อเต็ม ร.9 คําอ่าน ตัวอย่าง flowchart ขั้นตอนการทํางาน นยน. ย่อมาจาก ทหาร บทที่ 1 ที่มาและความสําคัญของปัญหา ฝสธ. ย่อมาจาก มัดหัวใจเจ้าชายเย็นชา 2 ซับไทย มัดหัวใจเจ้าชายเย็นชา 2 เต็มเรื่อง ยศทหารบก เรียงลําดับ ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 รัชกาลที่ 10 ห่อหมกฮวกไปฝากป้า คอร์ด