ต้องบอกว่านี่แหละคือคำกล่าวที่จริงและเป็นหัวใจหลักที่เปี่ยมพลังของภาพยนตร์แฟนตาซีผจญภัยอย่าง Miss Peregrine’s Home For Peculiar Children หนังที่ดัดแปลงจากนิยายขายดีที่มีองค์ประกอบที่ช่างแตกต่างจากเรื่องอื่น มันคือการผจญภัยของอีกโลกหนึ่งที่เชื่อมโยงเข้ากับความจริงที่ปรากฏในปัจจุบัน และเมื่อได้ ทิม เบอร์ตัน ผู้กำกับสไตล์จัดและแหวกแนวของวงการภาพยนตร์มาเนรมิตชีวิตด้วยแล้ว หนังเรื่องนี้จึงกลายเป็น “ขุมทรัพย์” แห่งความเพลิดเพลินที่เต็มไปด้วยความเพี้ยนสุดฮาและความสุขของการได้ภูมิใจในตัวเองนั่นเอง
Miss Peregrine’s Home For Peculiar Children ว่าด้วยเรื่องราวของ เจค (เอซา บัตเตอร์ฟิลด์) วัยรุ่นที่ไม่มั่นใจในตัวเอง เจคไม่มีเพื่อนและรู้สึกว่าตัวเองไร้ตัวตนอยู่บ่อยครั้ง เหตุการณ์ในชีวิตของเจคยิ่งเจ็บปวดขึ้นเมื่อเพื่อนที่ดีที่สุดในชีวิตอย่าง ปู่เอ๊บ ต้องมาเสียชีวิตกะทันหันจากเหตุประหลาด แต่เขากลับทิ้งปริศนาและความลับเกี่ยวกับตัวตนของเจคไว้ก่อนตาย ทำให้เจคตัดสินใจออกเดินทางไปยังเกาะแห่งหนึ่งเพื่อค้นหาความจริง และที่นั่นเองที่เขาได้พบกับมิสเพริกรินและเหล่าเด็กประหลาดที่จะทำให้เขาสัมผัสได้ถึง “ความสำคัญ” ของตัวเขา พร้อมกับต้องรับมือกับศัตรูตัวฉกาจที่หมายเอาชีวิตด้วย
ราวกับว่าพล็อตเรื่องของ Miss Peregrine’s Home For Peculiar Children นั้น มีไว้ให้ ทิม เบอร์ตัน กำกับ! จะมีผู้กำกับซักกี่คนกันในวงการที่มีความแปลกประหลาดแต่ก็ยังสามารถครองใจผู้ชมได้อย่างล้นหลาม และความสไตล์จัดที่ว่านั้นก็ยัง “สวยงาม” และ “เปี่ยมด้วยอารมณ์ความรู้สึก” ที่ถ่ายทอดออกมาผ่านภาพได้อย่างเต็มที่ มันจะเป็นใครไปไม่ได้ ถ้าไม่ใช่เจ้าพ่อหนังแฟนตาซีและเปี่ยมฝีมืออย่างทิม เบอร์ตันคนนี้ การจับคู่ของพล็อตเรื่องที่มีองค์ประกอบอันทรงเสน่ห์, ฉากผจญภัยสุดตื่นตา, ตัวละครที่มีพลังเหนือมนุษย์ รวมเข้ากับฝีมือของชายคนนี้มันทำให้ Miss Peregrine’s Home For Peculiar Children กลายเป็นหนังผจญภัยที่โคตรดูเพลิน อิ่มตากับงานดีไซน์ที่สวยงามในทุกช็อต และยังคงความสดใหม่ให้เรารู้สึกอยากติดตามและชวนเอาใจช่วยเจคและเหล่าเด็กประหลาดเสมอ
สำหรับตัวพล็อตนั้นมีการดัดแปลงให้เหมาะนำมาทำเป็นภาพยนตร์ และเปลี่ยนแปลงรายละเอียดบางส่วนให้เหมาะกับการส่งความสนุกบนจอหนัง และมันก็ช่วยให้คนดูอย่างเราเข้าใจเหตุการณ์และประเด็นหลักที่ต้องการจะสื่อได้อย่างรวดเร็ว กระชับ และเมามันส์พอตัวไปกับฉากแอคชั่นที่ใส่เข้ามาเพื่อให้สนุกตาและเพี้ยนเหลือเชื่อไปพร้อม ๆ กัน แต่ภายใต้ความบ้ามันส์ฮาตรงนั้นก็ยังมีข้อคิดที่แฝงเอาไว้ตลอดเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการยอมรับความแปลกของตัวเองและภูมิใจกับสิ่งนั้น และพยายามหาทางสร้างประโยชน์จากสิ่งนั้นให้ได้, ครอบครัวรักและเป็นห่วงเราเสมอ, การมีคนที่รักทำให้เรารู้สึกว่ายังสำคัญ หรือจะเป็น การมีเพื่อนที่เข้าใจและยอมรับเรา คือสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตเลย
นอกจากตัวพล็อตที่มีทิศทางการเดินเรื่องที่ชัดเจน เข้าใจง่ายแล้ว Miss Peregrine’s Home For Peculiar Children ยังคงได้กองทัพนักแสดงมากฝีมือมาช่วยส่งความสุขและน่ารักให้กับคนดู ตั้งแต่ เอซา บัตเตอร์ฟิลด์ นักแสดงวัยรุ่นชายที่บทบาทที่เขาตีบทแตกและทำให้คนดูอยากเอาใจช่วย, เอวา กรีน เป็นมิสเพริกรินที่โดดเด่นและแข็งแกร่งมาก เธอส่งการแสดงในทุกซีนได้อย่างมีพลังและน่าติดตามในจังหวะจะโคนที่แสดงทุกครั้ง, เอลล่า เพอร์เนล นักแสดงวัยรุ่นสาวกับบท เอมม่า เด็กสาวที่ควบคุมอากาศได้ หรือแม้กระทั้งการได้ดารารับเชิญเบอร์ใหญ่ ๆ อย่าง จูดี้ เดนช์ มาร่วมสร้างสีสัน และ แซมมวล แอล แจ๊คสัน นักแสดงเบอร์ใหญ่คนนี้ที่ทำเอาฮาก๊ากและปล่อยพลังได้บ้าสุดขั้วมาก จนลบภาพขรึมของนิค ฟิวรี่ในจักรวาลมาร์เวลออกไปอย่างหมดสิ้น เป็นอีกบทบาทนึงที่ตลกสะใจและเพี้ยนได้ใจสุด ๆ ไปเลย!
การันตีตรงนี้เลยว่า วิชวลและงานออกแบบใน Miss Peregrine’s Home For Peculiar Children นั้นเป็นอะไรที่คุ้มค่าและสมควรแก่การชมเป็นอย่างยิ่ง เพราะในทุก ๆ ฉาก ทุก ๆ ตอน การออกแบบองค์ประกอบของภาพและการคัดเลือกสีสันในแต่ละเฟรมนั้นงามและให้ความดาร์คเบา ๆ คงสไตล์ของทิม เบอร์ตันเอาไว้ได้ดีมาก แม้ว่าเรื่องนี้จะลดทอนความดาร์คลงไป และใส่ความจัดจ้านของทั้งสีสันและทิศทางในการกำกับมาด้วย แต่นั่นยิ่งทำให้หนังสนุกมากขึ้น และไปสุดทาง พร้อมสร้างความเพลิดเพลินให้กับคนดูอย่างแท้จริง!
ไฮไลท์เด็ดอีกอย่างก็คือ ฉากไคลแมกซ์ในช่วง 20 นาทีสุดท้ายที่ส่ง “ลูกบ้า” ของทิม เบอร์ตันมาเต็มกำลัง ทั้งเพี้ยนทั้งสนุกทั้งฮาลั่นในแบบที่เหนือความคาดหมาย ฉีกลุคนักแสดงหลายรายจนทำคนดูขำทั้งโรง สมกับคำกล่าวที่เป็นหัวใจของหนังที่ว่า “จงแปลกในแบบของตัวเอง...Stay Peculiar” จริง ๆ
วังวนเป็นหนึ่งวันที่ผู้ย้อนเวลาเลือกเพื่อที่จะดูแลเด็กๆวนไปอยู่ในวันนี้ตลอด. โดยจะเป็นวันที่ค่อนข้างปลอดภัย หรือจำเป็น. โดยจะมีทางเข้าวังวนที่มีเฉพาะคนประหลาดที่เข้าออกได้ ถ้าใกล้จะหมดเวลาในวันนั้น. ผู้ดูแลจะรีเซตเวลากลับไปเริ่มต้นวันใหม่แล้วใช้ชีวิตต่อในวันเดิมนั้น. เค้าถึงเรียกว่าวังวน
ตอบคำถามทีละข้อ
1 ที่Miss peregrine ยอมให้ตัวเองโดนจับน่าจะเพราะว่าตอนนั้นมี Miss Avocet ซึ่งเป็นผู้ดูแลเหมือนกันซ่อนอยู่ และน่าจะดูแลเด็กๆต่อได้ล่ะมั้ง...แค่เอาเด็กไปรวมกับเด็กของตนแล้วสร้างวังวนใหม่
2พลังของอินอคไม่เชิงเป็นการชุบชีวิต. แค่เอาหัวใจ(เหมือนซอฟต์แวร์)ไปใส่ในร่างเปล่าที่เป็นอะไรก็ช่าง ร่างนั้นจะกลายเป็นหุ่นที่ทำตามคำสั่งเค้า....หัวใจนั่นคิดว่าน่าจะประดิษเองได้แล้วเสกให้มีพลังล่ะมั้ง. ในหนังไม่ได้บอก. แต่ถ้าอยากรู้จริงๆ. ลองหาในฉบับหนังสือครับ
3วันที่miss peregrine สร้างวังวนไม่ใช่วันที่เหมาะสมครับ. เพราะเป็นวันที่มีฮอลโลว์เข้ามาเยี่ยมบ้าน...555 ปกติแล้วถ้าเป็นเวลาปี1943 นางจะปิดวังวนแล้วไปสร้างใหม่ในวันที่เหมาะสมกว่าได้. แต่ปัญหาคือ. วันนั้นระเปิดดันมาบึ้มบ้านนางพอดี. ก็เลยจำเป็นจะต้องสร้างวังวนในวันนั้นครับ
4 วังวนเป็นช่วงเวลา24ชั่วโมง. แปลว่าถ้าไม่มีผู้ดูแลมาsetเวลาแล้ว. ปล่อยให้ถึงเวลารีเซ็ต วังวนจะปิด แล้วเด็กๆจะข้ามเข้าสู่เวลาปัจจุบัน....แต่เด็กๆอยู่ในปี1943 ถ้าวังวนปิดในปี2016....เด็กๆจะแก่ตาย. วังวนของเด็กบ้านMiss peregrine ถูกรีเซ็ตในเวลาเที่ยงคืน....ถ้าเด็กๆไปอยู่ที่เวลาอื่นจนเลยเที่ยงคืน หรือไม่พาmiss peregrine กลับมารีเซตเวลาในวังวนให้ทัน. เด็กๆจะตาย. ก็เลยเป็นการเสี่ยงตายครับ
ทีนี้นะครับ. วิธีการของเด็กๆคือ. จะเข้าไปในวังวนแบลควูดผ่านทางรถไฟผีสวนสนุก. เพื่อเข้ามาในเวลาในวังวน. ซึ่งอยู่ในช่วงมกรา2016. วัวนอาจไม่มีผู้ดูแลแล้ว. แต่มันปิดสี่โมงเย็น และที่นี่เป็นที่ที่พวกฮอลโลว์ทำการทดลองกันพอดี. ถ้าช่วยทุกคนออกมาก่อนวังวนแบลควูดปิดที่4โมงเย็น. แล้วเด็กๆกลับออกจากวังวนนี้กลับไปเวลาของตนทางเดิม. ส่วนผู้ดูแลก็มุดกลับไปในเวลาของตน. สร้างวังวนใหม่และช่วยเด็กๆของตัวเองเอาไว้
ทุกคนก็จะรอดไงครับ
5จากข้อสี่จะพบว่า. สามารถใช้วังวนเป็นเครือข่ายในการเดินทางข้ามเวลาได้. แบบที่เด็กๆเข้ามาในปี2016และกลับไปในปี1943
เจคเลยค่อยๆเดินทางผ่านแต่ละวังวนเพื่อย้อนเวลากลับไปและรอจนถึงเวลาในวังวนของmiss peregrine เริ่มจากการมุดเข้าวังวนฟลอริด้าที่อยู่ใกล้ที่สุด. มันอาจจะไปโผล่ในเวลาอดีตแต่ยังไม่ไกลพอ. จึงต้องเดินทางไปมุดอีกวังวนที่อื่นๆไปเรื่อยๆ. โดยมีข้อจำกัดเป็นระยะทางและเวลาเปิดปิดของแต่ละวังวน. ทำให้ต้องมุดไปหลายที่มากๆครับ. โดยสุดท้าย. เจคน่าจะไปอยู่ในเวลาที่เก่าแก่กว่าวันเกิดเหตุในปี1943 จึงต้องใช้ชีวิตรอวันเวลาอยู่ในอดีต. และอาจจะมีพวกเด็กประหลาดในยุคนั้นคอยช่วย