ในปัจจุบันพูดได้เลยว่ากระแสความนิยมหรือเทรนด์ไร้สายกำลังมาแรง โดยเฉพาะในหมู่ของคนที่รักและชื่นชอบการฟังเพลงจากลำโพงที่ในอดีตจะเป็นการเชื่อมต่อผ่านสาย AUX 3.5mm เป็นหลัก รวมถึงใช้พลังงานจากถ่านไฟฉายหรือเสียบปลั๊กไฟ ทำให้มีข้อจำกัดในเรื่องการใช้งานที่อาจจะไม่อิสระเท่าที่ควรจากนั้นพอมาเป็นปัจจจุบันที่เทคโนโลยีพัฒนาไปไกลอีกขั้นทั้งเรื่องการเชื่อมต่อที่เปลี่ยนจากมีสายมาเป็นแบบไร้สายผ่านสัญญาณ Bluetooth สามารถวางไว้แยกจาก Smartphone หรืออุปกรณ์ที่กำลังเชื่อมต่ออยู่ได้ห่างกันในระยะที่ไกลถึง 10 เมตร รวมถึงแบตเตอรี่ที่ได้รับการพัฒนาให้มีขนาดที่เล็กลง ให้พลังงานได้มากขึ้น ชาร์จซ้ำได้บ่อยขึ้น ทำให้สามารถพกพาไปนอกบ้านได้สะดวก และยังรวมไปถึงฟังก์ชันการใช้งานอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นกันน้ำ กันฝุ่น กันกระแทกรวมไปถึงไมโครโฟนสำหรับใช้งานเป็น Speakerphone ได้อีกด้วย นั่นจึงทำให้ลำโพงบลูทูธรองรับการใช้งานที่หลากหลาย ใช้งานได้ทุกสถานที่ ทุกเวลาที่ต้องการ และนั่นทำให้สินค้าประเภทนี้ได้รับความนิยมมากขึ้นอีกหลายเท่าตัวนั่นเอง
ด้วยความนิยมดังกล่าวทำให้ปัจจุบันหลากหลายแบรนด์ทั้งแบรนด์ใหญ่แบรนด์เล็กต่างแข่งขันกันออกสินค้าแบบไม่มีใครยอมใคร ทั้งชูจุดเด่นเรื่องรูปร่างหน้าตา, ฟังก์ชันการใช้งานสุดล้ำ, ความทนทานในการใช้งาน, แบตเตอรี่สุดอึด และแนวเสียงที่แต่ละแบรนด์ก็มีเอกลักษณ์แตกต่างกันออกไป ทำให้ข้อดีตกเป็นของผู้ใช้งานที่มีสินค้าล้ำๆ ฟังก์ชันเด่นๆ แนวเสียงหลากหลาย และราคาหลายระดับให้ได้เลือกกัน แต่จะเลือกรุ่นไหนดี รุ่นไหนที่โดดเด่นคุ้มค่าคุ้มราคาและตอบโจทย์มากที่สุด บทความนี้ Mercular.com จะมารีวิว 7 อันดับ ลำโพงบลูทูธ ยี่ห้อไหนดี ปี 2023 โดยจะแบ่งเป็นลำโพง 5 กลุ่มตามการใช้งานเพื่อที่จะช่วยให้ผู้ใช้งานได้ลองเลือกหรือตัดสินใจได้ว่าเราเหมาะกับการลำโพงบลูทูธแบบไหน แล้วแบรนด์ไหนที่จะเข้าได้กับไลฟ์สไตล์เราได้มากที่สุด จะมีรุ่นไหนบ้างนั้นเราตามไปดูกันเลยครับ
ลำโพงไร้สาย Tronsmart Element T6 Max Bluetooth Speaker
สเปกเด่นของลำโพง
- กำลังขับ: 60W
- การตอบสนองความถี่: 20 - 20,000 Hz
- ระดับการกันน้ำ: IPX5
- Bluetooth version: 5.1
- แบตเตอรี่: 20 ชั่วโมง
Tronsmart Element T6 Max นั้นเป็นลำโพงที่ขนาดไม่ใหญ่มากแต่บอกได้เลยว่าสเปกภายในนั้นจัดเต็มเกินตัวแน่นอน ด้วยกำลังขับถึง 60W และระบบเสียงที่ขับได้ 360 องศา แถมยังมีดอกลำโพงภายในถึง 13 ดอก พร้อมกับการขับย่านเบสที่ลงได้ลึกถึงใจด้วย SoundPulse®technology จากทาง Tronsmart ที่ให้เสียงกระหึ่มเกินตัว และยังมีการรองรับการจับคู่ลำโพงสองตัวเป็นเสียงสเตอริโอมาให้เพื่อเพิ่มความสนุกในการฟัง แถมเจ้าตัวนี้ยังมีไมค์ที่รับเสียงได้คมชัด สามารถสนทนาได้อย่างสมูทไม่มีสะดุดแน่นอน รองรับการเชื่อมต่อทั้งแบบมีสายด้วย AUX/3.5 mm. และแบบไร้สายด้วย Bluetooth 5.0 กับ NFC หากใครจะนำไปใช้นอกสถานที่ก็หมดห่วงไปได้เลยด้วยการกันน้ำกันฝุ่นที่ระดับ IPX5 แถมใช้งานได้อย่างง่ายดายด้วยการควบคุมด้วยระบบการสัมผัสและไฟแสดงสถานะของลำโพง
ข้อดี
- ขนาดเล็ก พกติดตัวไปได้ทุกสถานที่
- เบสลึกกระหึ่มด้วย SoundPulse®technology
- รองรับการกันน้ำกันฝุ่น IPX5
- ฟังเพลงสนุก เสียงดีมีคุณภาพ
- รองรับการจับคู่สองตัวเป็นเสียงสเตอริโอ
ข้อเสีย
- ไม่มีการรองรับการควบคุมผ่านแอปพลิเคชัน
ลำโพงไร้สาย B&O Beosound A1 2nd Gen Wireless Speaker
สเปคเด่น
- กำลังขับ: 60W
- การตอบสนองความถี่: 55 - 20,000 Hz
- ระดับการกันน้ำ: IP67
- Bluetooth version: 5.1
- แบตเตอรี่: 18 ชั่วโมง
B&O Beosound A1 2nd Gen Wireless Speaker นั้นมากับดีไซน์ที่สวยงาม ดูพรีเมียม พร้อมกับวัสดุที่ยอดเยี่ยมเป็นลำโพงที่บอกได้เลยว่าคุ้มค่าสุด ๆ อีกตัวนึงเลยทีเดียวเพราะเค้ารองรับ Codec ไร้สาย aptX ที่หลาย ๆ ตัวในนี้อาจจะไม่มีมาให้ พร้อมกับการขับเสียงที่คุณภาพดีสุด ๆ เมื่อเทียบกับขนาดตัวด้วยไดรเวอร์เสียง Woofer และ Tweeter ที่ขับเสียงได้รอบทิศทางถึง 360 องศา พร้อมกับการพูดคุยที่ทำได้สะดวกมากขึ้นด้วยไมโครโฟนรับสายสนทนาในตัว ให้คุณพูดคุยได้ทันทีที่สายเข้าโดยไม่ต้องตัดการเชื่อมต่อแต่เห็นตัวแค่นี้ก็อย่าได้ดูถูกไป เพราะแบตเตอรี่ที่เค้าให้มานั้น สามารถเล่นได้ยาวนานถึง 18 ชั่วโมงเชื่อมต่อได้เสถียรด้วย Bluetooth 5.1 แต่เห็นตัวแค่นี้ก็อย่าได้ดูถูกไป พร้อมกับการกันน้ำกันฝุ่นที่ IP67 ตั้งไว้ในห้องเฉย ๆ ก็สวยงาม จะนำไปใช้กลางแจ้งหรือริมาระน้ำก็สบาย ๆ เลยล่ะครับ
ข้อดี
- ขนาดเล็ก พกติดตัวไปได้ทุกสถานที่
- คุณภาพเสียงเกินตัวด้วยไดรเวอร์เสียง Woofer และ Tweeter
- รองรับ Codec ไร้สาย aptX
- ฟังเพลงสนุก เสียงดีมีคุณภาพ
- รองรับการจับคู่สองตัวเป็นเสียงสเตอริโอ
ข้อเสีย
- กันน้ำได้แต่ไม่ควรจุ่มลงน้ำ
ลำโพงไร้สาย Klipsch The Three II Speaker
สเปคเด่น
- กำลังขับ: 120W
- การตอบสนองความถี่: 45 - 20,000 Hz
- ขนาด: 34.82 x 17.78 x 20.3 ซม.
- Bluetooth version: 4.2
- น้ำหนัก: 4.7 กก.
Klipsch The Three II Speaker นั้นมากับดีไซน์ที่สวยงามสุด ๆ ด้วยดีไซน์แบบกล่องสี่เหลี่ยมผืนผ้าจากวัสดุที่พรีเมียมอย่างไม้แท้คุณภาพดี ที่หุ้มด้วยผ้าเนื้อหนาให้เสียงที่กระหึ่มด้วยไดร์เวอร์ขับเสียงต่ำ Long-Throw Woofer พร้อมด้วยไดร์เวอร์ Full Range ขับเสียงครบทุกย่าน และ Passive Radiator คู่กำลังขับรวมทั้งระบบสูงสุด 120W ตอบสนองความถี่เสียงครอบคลุมตั้งแต่ 45 - 20,000 Hz พร้อมกับแผงควบคุมตกแต่งด้วยแผ่นโลหะ ที่เพิ่มความหรูหราไปอีกขั้น ด้านการเชื่อมต่อสามารถทำได้ทั้ง Bluetooth 4.2, AUX/3.5 mm., Phono (Pre-Amplified) และ RCA Stereo หรือหากใครที่ไม่สะดวกในการเดินมาปรับเพิ่ม/ลดเสียง หรือหยุดเพลงล่ะก็เค้าก็มีรีโมทคอนโทรลมาให้เพื่อความสะดวกสบายในการใช้งานอีกด้วย บอกเลยว่าคุ้มค่าแถมยังใช้งานได้ง่ายดายสุด ๆ
ข้อดี
- ดีไซน์คลาสสิก วัสดุไม้แท้ คุณภาพดี
- มีรีโมทคอนโทรลควบคุมระยะไกล
- กำลังขับสูงสุด 120W เสียงดี กระหึ่ม
- ฟังเพลงสนุก เสียงดีมีคุณภาพ
- เชื่อมต่อทั้งแบบไร้สายและมีสาย
ข้อเสีย
- น้ำหนักมาก
- ไม่มีแบตฯ ในตัว
- ไม่เหมาะกับการพกพา
ลำโพง B&O Beosound A5 Portable Speaker
สเปคเด่น
- กำลังขับ: 280W
- การตอบสนองความถี่: 32 - 23,000 Hz
- ระดับการกันน้ำ: IP65
- Bluetooth version: 5.2
- แบตเตอรี่: 11 - 15 ชั่วโมง
B&O Beosound A5 Portable Speaker เป็นตัวที่ราคาสูงที่สุดใน 7 ตัวนี้ แต่บอกได้เลยว่าเป็นตัวที่คุ้มสุด ๆ เช่นเดียวกันซึ่งเจ้าตัวนี้มากับดีไซน์ที่เรียบง่ายและหรูหราโดยนักออกแบบชื่อดัง GamFratesi และประกอบกันด้วยวัสดุที่พรีเมียมอย่างวัสดุไม้โอ๊คแท้และอะลูมิเนียมเกรดพรีเมียม กำลังขับรวม 280W กับไดรเวอร์ภายใน 4 ตัวที่กระหึ่มสะใจแน่นอน แถมยังให้เสียง 360 องศาเพราะจัดเต็มได้จากทุกมุมมองอย่างแน่นอน พร้อมกับรองรับการสั่งงานด้วยเสียงทั้งระบบ AirPlay 2, Chromecast และระบบ Multiroom นั่นเอง เจ้าตัวนี้ยังมีเทคโนโลยี RoomSense ที่จะช่วยปรับการเล่นตามพื้นที่ให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่เราอยู่ ยังมีโหมดจับคู่สองตัวเข้าด้วยกันเป็นระบบเสียงสเตอริโอเพื่อเพิ่มอรรถรสในการฟัง และยังสามารถเป็นเครื่องชาร์จไร้สาย Qi ในตัว ชาร์จไฟให้สมาร์ตโฟนและอุปกรณ์อื่น ๆ ได้ พร้อมกับการรองรับการใช้งานถึง 12 ชั่วโมงและการกันน้ำที่ระดับ IP65 ด้วยฟังก์ชันที่จัดเต็มขนาดนี้บอกเลยว่าเป็นตัวจบอย่างปฏิเสธไม่ได้อย่างแน่นอนครับ
ข้อดี
- กำลังขับรวม 280W ให้เสียง 360 องศา
- วัสดุและงานประกอบระดับพรีเมียม
- เทคโนโลยี RoomSense ปรับการเล่นตามพื้นที่
- ชาร์จไฟให้สมาร์ตโฟนได้
- รองรับการควบคุมผ่านแอปฯ B&O
ข้อเสีย
- ไม่รองรับ aptX และ Hi-Res Audio
- ไม่มี AUX 3.5mm
- ราคาค่อนข้างสูงกว่าตัวอื่น ๆ
ลำโพง Tronsmart T7 Portable Speaker
สเปคเด่น
- กำลังขับ: 30W
- การตอบสนองความถี่: 60 - 23,000 Hz
- ระดับการกันน้ำ: IPX7
- Bluetooth version: 5.3
- แบตเตอรี่: 11 - 15 ชั่วโมง
Tronsmart T7 Portable Speaker มากับดีไซน์ที่เท่มากอีกตัวนึง ให้เสียง 360 องศาฟังได้เพราะจากทุกมุมของลำโพง พร้อมการออกแบบมาอย่างดีเพื่อให้ใช้งานได้อย่างสะดวกสบายด้วยการควบคุมผ่านตัวลำโพงได้ทั้งหมด บวกกับการปรับความดัง/เบาของเสียงได้ด้วยแท่งหมุนที่ด้านบนของลำโพงแค่นี้ก็เท่ไม่เหมือนใครแล้ว พร้อมกับไฟ LED ที่สามารถปรับแต่งได้ ไม่เพียงแค่ไฟเท่านั้นด้านย่านเสียง Equalizers ก็สามารถปรับได้เช่นกันในแอปของ Tronsmart เพื่อเพิ่มหรือลดเสียงตามความต้องการ เจ้าตัวนี้สามารถรองรับระบบเสียงอัจฉริยะได้อย่างครบครัน แถมยังกันน้ำได้ถึงระดับ IPX7 จะใช้ในบ้านก็ดี จะนำไปข้างนอกก็ได้ ใช้งานได้ทุกที่ทุกเวลาได้ถึง 11 - 15 ชั่วโมงต่อการชาร์จเต็มอีกด้วย พร้อมฟังก์ชันการพูดคุยด้วยไมโครโฟน การเชื่อมต่อ 2 ตัวแบบ Stereo Pairing และ Bluetooth รุ่นใหม่ล่าสุด ที่เชื่อมต่อได้ง่าย และยังเสถียรให้คุณฟังเพลงโปรดได้อย่างมีคุณภาพแบบไม่ขาดตอน
ข้อดี
- ให้เสียง 360 องศา รอบทิศทาง
- ไฟแสดงผล LED ปรับแต่งได้
- รองรับการเชื่อมต่อลำโพงหลายตัวแบบ Stereo Pairing
- Bluetooth รุ่นใหม่ล่าสุด
- ปรับตั้งค่า EQ ได้ผ่านแอป Tronsmart
ลำโพงไร้สาย JBL PartyBox 310 Bluetooth Speaker
สเปคเด่น
- กำลังขับ: 240W
- การตอบสนองความถี่: 45 - 20,000 Hz
- ระดับการกันน้ำ: IPX4
- Bluetooth version: 5.1
- แบตเตอรี่: 18 ชั่วโมง
JBL PartyBox 310 Bluetooth Speaker เรียกได้ว่าเป็นตัวที่บิ๊กเบิ้มที่สุดในนี้เลยก็ว่าได้ ด้วยขนาดที่ใหญ่พร้อมกับน้ำหนัก 17.42 กก. จึงอาจจะทำให้จับถือได้ลำบากนิดหน่อย แต่หายห่วงเรื่องนี้ได้เลยเพราะเค้ามาพร้อมล้อและหูสำหรับลากทำให้คุณสามารถพกหรือลากออกไปปาร์ตี้ได้สะดวกยิ่งขึ้น แถมยังให้เสียงที่ยอดเยี่ยมด้วยแนวเสียงแบบ JBL Pro Sound ที่ดังกระหึ่มพร้อมปรับจูนมาเป็นอย่างดีและสามารถเพิ่มลดเสียงสูงและเบสได้อย่างอิสระ รองรับการใช้งานผ่านแอป PartyBox ในปาร์ตี้ต้องมีบ้างที่จะต้องเลอะไม่ว่าน้ำหรือขนม บอกเลยว่าสบายมากเพราะเค้าให้การกันน้ำกันฝุ่นมาที่ IPX4 ซึ่งสามารถใช้งานใกล้สระน้ำก็ยังสบาย หรือจะเพิ่มความสนุกไปอีกขั้นด้วยมีช่องเชื่อมต่อไมโครโฟนและกีต้าร์ ที่มีมาให้เพื่อความบันเทิงขั้นสุดเลยนั่นเอง แถมยังให้แบตเตอรี่มาให้ใช้งานกันต่อเนื่องถึง 18 ชั่วโมง ให้คุณสนุกได้ยาวนานตลอดคืนแน่นอน
ข้อดี
- มาพร้อมล้อและหูสำหรับลาก
- ไฟแสดงผล LED ปรับแต่งได้
- เสียงกระหึ่มทรงพลังแบบ JBL Pro Sound
- มีช่องเชื่อมต่อไมโครโฟนและกีต้าร์
- รองรับการใช้งานผ่านแอป PartyBox
ข้อเสีย
- น้ำหนักค่อนข้างมาก
ลำโพง Sony SRS-XP500 Portable Bluetooth Speaker
สเปคเด่น
- กำลังขับ: 240W
- ระดับการกันน้ำ: IPX4
- Bluetooth version: 5.0
- แบตเตอรี่: 16 - 20 ชั่วโมง
- ขนาด: 27.5 x 57.2 x 29.5 ซม.
Sony SRS-XP500 Portable Bluetooth Speaker เป็นลำโพงในแบรนด์ Hi-end ที่ราคาไม่ได้เกินเอื้อมเลย แต่ให้เสียงที่สุดยอดที่ตัวเช่นกัน เจ้าตัวนี้ให้เสียงที่คุณภาพดีกระหึ่มและดังกว่าหลายตัวด้วยดอกลำโพง X-Balanced Speaker Unit และระบบทวีตเตอร์ประสิทธิภาพสูงที่ด้านหน้าเพื่อการขับเสียงที่คมชัด แน่นและคุณภาพเยี่ยม ด้านการดีไซน์นั้นออกแบบมาเพื่อใช้งานนอกสถานที่ พร้อมกับไฟ LED เพื่อเพิ่มความเป็นกันเองให้น่าใช้งานมากขึ้น ใช้งานได้ต่อเนื่องยาวนานถึง 20 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังมี input ทั้งไมค์และกีตาร์ได้อีกด้วย การกันน้ำระดับ IPX4 ทำให้ใช้งานได้ท่ามกลางสายฝนเล็กน้อยได้สบาย หรือจะนำไปปาร์ตี้ริมสระน้ำก็หายห่วง และจุดเด่นที่ไม่บอกต่อไม่ได้เลยคือช่อง USB ที่สามารถใช้ชาร์จ Smartphone ได้ แถมยังรองรับระบบ Fast charge อีกด้วย
ข้อดี
- Party mode ที่เชื่อมต่อลำโพงอื่นได้ถึง 100 ตัว
- มีช่อง USB ที่สามารถใช้ชาร์จ Smartphone ได้
- เสียงกระหึ่มทรงพลัง Woofer 2 ตัวและ Tweeter 2 ตัว
- มีช่องเชื่อมต่อไมโครโฟนและกีต้าร์
- รองรับระบบ Fast charge
ข้อควรระวัง
- -
เป็นยังไงกันบ้างครับกับรีวิว 7 ลำโพงบลูทูธ ยี่ห้อไหนดี เสียงดี คุ้มค่า ปี 2023 ที่ Mercular.com เลือกมาแนะนำกันในบทความนี้ ทุกรุ่นเป็นลำโพงที่เพิ่งเปิดตัวได้ไม่นานซึ่งมาพร้อมคุณภาพคับแก้ว สเปกและฟีเจอร์ที่น่าสนใจ เสียงดี และตอบโจทย์การใช้งานแต่ละรูปแบบได้อย่างน่าสนใจ ทางเราหวังว่าคนที่กำลังตัดสินใจซื้อลำโพงบลูทูธตัวใหม่อยู่จะได้รับข้อมูลที่มีประโยชน์และครบถ้วน และน่าจะช่วยให้เลือกลำโพงที่ถูกใจได้ง่ายขึ้นอย่างแน่นอน ที่สำคัญ หากมีโอกาสแนะนำว่าควรลองฟังเสียงลำโพงรุ่นที่จะซื้อก่อนเพื่อที่จะได้รู้ว่าเสียงที่แท้จริงของลำโพงรุ่นนั้นเป้นอย่างไร ถูกใจหรือไม่ ดีกว่าจ่ายเงินซื้อแล้วมาเสียใจภายหลัง
สุดท้ายนี้ Mercular.com ต้องขอตัวลาไปก่อน ติดตามบทความ Buying Guide แนะนำสินค้ารุ่นใหม่น่าสนใจแบบนี้ได้ที่เว็บไซต์ของเรา สำหรับครั้งนี้ สวัสดีครับ
ทำไมเชื่อมต่อบลูทูธแล้วไม่ได้ยินเสียง
ตรวจสอบให้แน่ใจว่าลำโพงได้ทำการเชื่อมต่อ BLUETOOTH กับอุปกรณ์ BLUETOOTH แล้ว จับคู่ลำโพงกับอุปกรณ์ BLUETOOTH อีกครั้ง ระดับเสียงของลำโพงหรืออุปกรณ์ BLUETOOTH อาจลดลง ปรับระดับเสียงเป็นระดับกลาง หากมีการเชื่อมต่อสายเข้ากับช่องต่อ AUDIO IN ของลำโพงหรืออุปกรณ์ BLUETOOTH ให้ถอดสายนั้นออก
ทำไม ลำโพง บ ลู ทู ธ กระตุก
สาเหตุ สิ่งนี้เกิดขึ้นเนื่องจากบลูทูธจะใช้ทรัพยากรจำนวนมากเมื่อมีการเปิดใช้งาน ส่งผลให้การเล่นเพลงกระตุกเมื่อใช้หูฟังบลูทูธ สิ่งนี้อาจเกิดขึ้นเนื่องจากปัญหาความเข้ากันได้ระหว่างหูฟังบลูทูธ/ลำโพงบลูทูธและคอมพิวเตอร์
ใส่หูฟังบลูทูธยังไงไม่ให้หลุด
แนะนำให้บีบจุกโฟมให้เล็กก่อนใส่เข้าไปในหู เพื่อให้จุกโฟมไปขยายในหู ก็จะได้การสวมใส่ที่กระชับขึ้นครับ ซึ่งการใส่ที่ถูกต้องก็ควรจะทำให้หูฟังไม่หลุดเมื่อสะบัดหัว
หูฟังดังข้างเดียวเกิดจากอะไร
เพราะในบางครั้งการที่สวมใส่หูฟังผิดวิธี หรือสวมใส่ผิดองศาอาจจะทำให้การส่งสัญญาณเสียงเข้ามาในหูนั้นถูกปิดกั้นหรือบลอคและส่งผลทำให้เสียงที่ได้รับนั้นไม่เท่ากันซ้ายขวา หรือ หูฟังดังไม่เท่ากันได้นั่นเอง ซึ่งหากสวมใส่ได้ถูกวิธีและหูฟังเข้าไปพอดีกับในช่องหู เสียงที่ได้จากข้างซ้ายและขวาก็จะเท่ากันครับ