การเรียนรักษาดินแดนของมหาวิทยาลัย จะครอบคลุมทั้งนักศึกษาชายและหญิงที่จะสมัครใหม่หรือที่เรียนมาและ แล้วต้องการเรียนต่อเนื่องจนจบหลักสูตรการฝึกรักษาดินแดนเพื่อปลดเป็นทหารกองประจําการ และแต่งตั้งยศเป็นสิบเอกหรือว่าที่ร้อยตรี โดยเตรียมเอกสารในการสมัครหรือรายงานตัวให้ครบ เพื่อยื่นให้แผนกบริการและสวัสดิการนักศึกษาต่อไป การสมัครเรียนรักษาดินแดนของมหาวิทยาลัย จะเริ่มในช่วงลงทะเบียนนักศึกษาใหม่ โดยนักศึกษาที่มีความประสงค์จะเรียนรักษาดินแดนจะต้อง เตรียมหลักฐานสําหรับสมัครเรียน ดังนี้
การสมัครของ นศท.ชั้นปีที่ 1
หน่วยบัญชาการรักษาดินแดนได้กําหนดระเบียบการสมัครและรายงานตัวเรียนรักษาดินแดนต้องมีคุณลักษณะและคุณสมบัติ ดังนี้
- เป็นชายหรือหญิงมีสัญชาติไทย
- อายุไม่เกิน 22 ปีบริบูรณ์ นับตามกฎหมายหว่าด้วยการรับราชการทหาร และต้องได้รับความยินยอมจาก บิดา มารดา หรือผู้ปกครอง
- ไม่พิการ ทุพพลภาพ หรือมีโรค ซึ่งไม่สามารถจะรับราชการทหารได้ ตามกฎหมายว่าด้วยการรับราชการทหาร ตามมาตรา 14 กฎกระทรวงฯ ฉบับที่ 7 พ.ศ.2540
- มีดัชนีมวลกาย (BMI) อยู่ในเกณฑ์ปกติ ชาย ต้องน้อยกว่า 35 กิโลกรัม/ตารางเมตร และหญิง ต้องน้อยกว่า 30 กิโลกรัม/ตารางเมตร (ดัชนีมวลกาย (BMI) = น้ําหนักตัว (กก) / ส่วนสูง 2 เมตร)
- มีน้ําหนัก ขนาดรอบตัว ขนาดส่วนสูง ตามส่วนสัมพันธ์
- มีความประพฤติเรียบร้อย และไม่มีพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้โทษทุกประเภท
- ไม่เป็นทหารประจําการ กองประจําการ หรือถูกกําหนดตัวเข้ากองประจําการแล้ว
คุณสมบัติ
- เป็นชายหรือหญิง และ มีสัญชาติไทย
- สําเร็จการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หรือเทียบเท่าขึ้นไปและมีผลการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ตั้งแต่ 1.00 ขึ้นไป (คิดเฉพาะชั้น ม.3 เท่านั้น
- มีน้ําหนัก ส่วนสูง ขนาดรอบตัว ตามหน่วยบัญชาการ รักษาดินแดนกําหนด และต้องผ่านการทดสอบสมรรถภาพร่างกาย
- นักศึกษาชาย ลุกนั่ง 34 ครั้ง ใน 2 นาที ดันพื้น 22 ครั้ง ใน 2 นาที วิ่ง 800 เมตร ใน 3 นาที 15 วินาที
- นักศึกษาหญิง ลุกนั่ง 25 ครั้ง ใน 2 นาที ดันพื้น 15 ครั้ง ใน 2 นาที วิ่ง 800 เมตร ใน 4 นาที
หลักฐานการสมัคร นศท.ชั้นปีที่ 1
- รูปถ่ายขนาด 3 x 4 ซม. (ติดใบสมัคร และ ใบประวัติ นศท.) จํานวน 2 รูป
- ใบสมัคร (แบบ รด.1)ต้องให้ผู้ปกครองลงนามคํายินยอมจากด้วย (รับได้ในวันสมัครที่มหาวิทยาลัย)
- หลักฐานการศึกษา แสดงผลสําเร็จมัธยมปีที่ 3 ถ่ายจากต้นฉบับจริง โดยสถานศึกษาปัจจุบันรับรองคะแนนเฉลี่ยและรับรองสําเนาถูกต้อง
- สําเนาทะเบียนบ้าน จํานวน 2 ฉบับ (ผู้ปกครองลงนามรับรองสําเนา)
- ใบรับรองแพทย์ออกโดยแพทย์ปริญญาผู้จดทะเบียนประกอบโรคศิลป์แผนปัจจุบัน ชั้น 1 จากโรงพยาบาลของรัฐหรือเอกชนซึ่งรัฐบาลรับรองหรือหน่วยตรวจโรคของทหาร
- สําเนา สด. 9 จํานวน 2 ฉบับ (เฉพาะ นศท. ชาย)
- สําเนา สด .35 จํานวน 2 ฉบับ สําหรับผู้มีอายุ 21 ปีบริบูรณ์ (เฉพาะ นศท.ชาย )
- ค่าบํารุง และทําบัตรประจําตัว จํานวน 680 บาท (ชําระเมื่อได้ผ่านขั้นตอนการรับสมัครของหน่วยบัญชาการ รักษาดินแดนเรียบร้อยแล้ว)
การโอนย้ายเรียนจากสถานศึกษาเดิม
นศท. ที่มีสถานศึกษาในเขตกรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ ปทุมธานี นนทบุรี และต่างจังหวัด ให้เตรียมหลักฐานดังนี้
- ใบรับรองการฝึกวิชาทหารฉบับจริงจากสถานศึกษาเดิม พร้อมสําเนา 1 ฉบับ
- ใบรายงานตัวสี ขาว ( แบบ รด. 2) ต้องให้ผู้ปกครองลงนามยินยอมด้วย รับได้ที่มหาวิทยาลัยในวันสมัคร
- ใบ สด.9 ฉบับจริง พร้อมสําเนา 2 ฉบับ (เฉพาะนักศึกษาวิชาทหาร ชั้นปีที่ 1 – 3 ชาย)
- ใบทะเบียนบ้านฉบับจริง พร้อมสําเนา 1 ฉบับ
- รูปถ่ายแต่งเครื่องแบบ นศท. ขนาด 1 นิ้ว จํานวน 2 รูป
- สําเนาบัตรประชาชน 1 ฉบับ
- อื่นๆ เช่น หลักฐานการเปลี่ยนชื่อ ชื่อสกุล ของผู้สมัคร หรือของบิดา มารดา พร้อมสําเนาจํานวน 2 ฉบับ
หมายเหตุ : เอกสารที่ถ่ายสําเนาให้เขียน รับรองสําเนาถูกต้อง พร้อมทั้งเซ็นชื่อกํากับทุกฉบับ
การแต่งเครื่องแบบ นศท.
ใช้อาร์มแขนของมหาวิทยาลัย สามารถซื้อได้ที่สํานักงานกิจการนักศึกษา และติดเครื่องหมายชั้นปีและ เครื่องหมายจังหวัดเป็น กท ให้เรียบร้อย (ยกเว้น นศท.ชั้นปีที่ 1 (ชาย) ที่เพิ่งสมัครใหม่แต่งชุดนักศึกษา นศท. (หญิง) แต่งชุดกีฬา) ตัดผม ทรงนักเรียนด้านข้างและด้านหลังศีรษะสั้นเกรียน ความยาวด้านหน้าไม่เกิน 5 ซม. (สําหรับ ชั้นปีที่ 1 – 3 )ตัดผม ทรงนักเรียนด้านข้างและด้านหลังศีรษะสั้นเกรียน ความยาวด้านหน้าไม่เกิน 5 ซม. ตามระเบียบของหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน
การเลื่อนชั้น ซ้ําชั้นเรียนโดยไม่ได้โอนย้ายสถานศึกษา
- ให้นศท. เขียนใบรายงานตัว ( แบบ รด. 2) ต้องให้ผู้ปกครองลงนามยินยอมด้วย
- รูปถ่ายชุดนักศึกษาวิชาทหาร ขนาด 1 นิ้ว 2 รูป
- สําเนาบัตรประชาชน 1 ฉบับ
- แต่งเครื่องแบบ นศท. ใช้อาร์มแขนของมหาวิทยาลัย และติดเครื่องหมายชั้นปี และอาร์มคําขวัญของ นศท.ให้เรียบร้อย
- ตัดผมแบบ ทรงนักเรียนด้านข้างและด้านหลังศีรษะสั้นเกรียน ความยาวด้านหน้าไม่เกิน 5 ซม .
- นศท. จะต้องชําระเงินบํารุง คนละ 650 บาท เฉพาะ นศท.ชั้นปีที่ 1-3 เท่านั้น (นศท.ชั้นปีที่ 4,5 ไม่ต้องชําระเงินบํารุง)
- ให้ นศท.รายงานตัวทั้งหมด 5 สถานี
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ใช้ การใช้เว็บไซต์ของเราแสดงว่าคุณยินยอมให้ใช้คุกกี้ทั้งหมดตามนโยบายคุกกี้ของเราอ่านข้อมูลเพิ่มเติม
นักศึกษาวิชาทหาร (ย่อ: นศท.) เป็นบุคคลซึ่งอยู่ในระหว่างเข้ารับการฝึกวิชาทหารตามหลักสูตรที่กระทรวงกลาโหมกำหนด ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมการฝึกวิชาทหาร พ.ศ. 2503 เป็นกำลังพลสำรองของกองทัพไทย ภายใต้การควบคุมของโรงเรียนรักษาดินแดน ศูนย์การนักศึกษาวิชาทหาร หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน (ย่อ: นรด.)
ประวัติ[แก้]
พ.ศ. 2475 ประเทศไทยเริ่มมีการฝึกยุวชนทหารเพื่อผลิตทหารกองหนุน สนับสนุนการรบของกองทัพไทย กล่าวได้ว่าการฝึกนักศึกษาวิชาทหาร (นศท.) มีต้นกำเนิดและแนวคิดมาจากยุวชนทหาร
พ.ศ. 2491 กิจการการศึกษาวิชาทหารได้เริ่มต้นขึ้นโดยมีการสถาปนากรมการรักษาดินแดน ตาม พ.ร.บ.จัดระเบียบป้องกันราชอาณาจักร พ.ศ. 2491 เพื่อดำเนินกิจการดังกล่าว ลงคำสั่งทหารที่ 54/2477 วันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2491 โดยแนวคิดของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในขณะนั้น (ต่อมาแก้ไขโดย พ.ร.บ.จัดระเบียบป้องกันราชอาณาจักร พ.ศ. 2500)
การสงครามในอนาคตนั้น พลเมืองทุกคนไม่จำกัดเพศและวัย ย่อมจะต้องมีส่วนร่วมในสงครามด้วยกันทั้งสิ้น จึงมีความจำเป็นต้องขยายโครงสร้างของกองทัพ พร้อมกับพัฒนาระบบกำลังสำรองควบคู่กันไป
พ.ศ. 2492 ได้เริ่มรับสมัครนักเรียนซึ่งอยู่ในระหว่างการศึกษาตั้งแต่ชั้นเตรียมอุดมศึกษาปีที่ 1 หรือชั้นปีที่ 1 ของโรงเรียนอาชีพ หรือเป็นนิสิตและนักศึกษาระดับอุดมศึกษาชั้นปีที่ 1 และทำการฝึกนศท.เป็นปีแรก โดยเริ่มในกรุงเทพมหานคร แล้วจึงกระจายไปตามหัวเมืองในต่างจังหวัด โดยดำเนินการฝึกครบทั้ง 5 ชั้นปี ในปี 2496
พ.ศ. 2497 ได้มีการประกาศใช้กฎหมายสำคัญ 2 ฉบับในราชกิจจานุเบกษา คือ พระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ. 2497 และ พระราชบัญญัติส่งเสริมการฝึกวิชาทหาร (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2497 ส่งผลให้นักศึกษาหรือนิสิตที่สำเร็จการศึกษาในระดับอุดมศึกษา และการฝึกวิชาทหารตามหลักสูตรที่กระทรวงกลาโหมกำหนด ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมการฝึกวิชาทหาร พ.ศ. 2494 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการฝึกวิชาทหาร (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2497 ต้องเข้ารับราชการทหารในฐานะนายทหารสัญญาบัตรต่อไปอีกไม่เกิน 2 ปี จากนั้นให้ปลดเป็น นายทหารสัญญาบัตรกองหนุน หรือรับราชการในฐานะนายทหารสัญญาบัตรประจำการต่อก็ได้ (ต่อมาได้มีการแก้ไขข้อบังคับฯ เพิ่มเติมส่งผลให้ปลดเป็นนายทหารสัญญาบัตรกองหนุน) และได้มีพิธีประดับยศเป็น ว่าที่ร้อยตรี สำหรับผู้สำเร็จการฝึกวิชาทหารเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 17 พ.ค. 2497
พ.ศ. 2503 ได้มีการประกาศใช้กฎหมายในราชกิจจานุเบกษา คือ พระราชบัญญัติส่งเสริมการฝึกวิชาทหาร พ.ศ. 2503 ส่งผลให้ถอนทะเบียนกองประจำการนักศึกษาหรือนิสิต เฉพาะที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้ ตามมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการฝึกวิชาทหาร พ.ศ. 2494 ซึ่งได้แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการฝึกวิชาทหาร (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2497 สำหรับนักศึกษาหรือนิสิตซึ่งรับราชการทหารตามมาตรา 7 และมาตรา 7 ทวิ แห่ง พระราชบัญญัติส่งเสริมการฝึกวิชาทหาร พ.ศ. 2494 ซึ่งได้แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมการฝึกวิชาทหาร (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2497 นั้นให้ปลดเป็นกองหนุนตามกฎหมายว่าด้วยการรับราชการทหาร
พ.ศ. 2528 ได้เริ่มมีการฝึกนศท.หญิงเป็นครั้งแรก พร้อมกับการฝึกนศท.ชั้นปีที่ 4 ในส่วนของกองทัพเรือ
พ.ศ. 2544 สถาปนา หน่วยบัญชาการกำลังสำรอง (นสร.) โดยการรวมกิจการของกรมการรักษาดินแดน และกรมการกำลังสำรองทหารบกเข้าด้วยกัน ลงคำสั่ง ทบ.(เฉพาะ) ที่ 63/44 ลงวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2544
พ.ศ. 2552 เปลี่ยนนามหน่วยเป็น หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน (นรด.) แทนชื่อเดิม หน่วยบัญชาการกำลังสำรอง (นสร.) โดย นรด. มีหน้าที่วางแผน อำนวยการ ประสานงาน กำกับการและดำเนินการเกี่ยวกับกิจการกำลังสำรองทั้งปวง กิจการสัสดี รวมทั้งปกครองบังคับบัญชาหน่วยทหารที่กระทรวงกลาโหมกำหนด มีผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน เป็นผู้บังคับบัญชารับผิดชอบ การฝึก นศท.จึงได้รับการอำนวยการจากหน่วยงานดังกล่าว โดยขึ้นตรงกับ โรงเรียนรักษาดินแดน ศูนย์การกำลังสำรอง หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน รวมทั้ง ศูนย์การฝึกนักศึกษาวิชาทหาร มณฑลทหารบกต่าง ๆ
พ.ศ. 2560 มีการแปรสภาพ ศูนย์การกำลังสำรอง หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน (ศสร.) เป็น ศูนย์การนักศึกษาวิชาทหาร หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน (ศศท.) ณ ที่ตั้งสุทธิสาร และแปรสภาพ โรงเรียนกำลังสำรอง เป็น ศูนย์การกำลังสำรอง หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน (ศสร.) ณ ที่ตั้งปราณบุรี ทำให้ปัจจุบัน นักศึกษาวิชาทหารได้รับการอำนวยการฝึกจาก โรงเรียนรักษาดินแดน ศูนย์การนักศึกษาวิชาทหาร หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน
ปัจจุบัน รัฐบาลได้กำหนดวันที่ 8 ธันวาคม ของทุกปีเป็นวัน นักศึกษาวิชาทหาร หน่วยฝึกนักศึกษาวิชาทหารในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคจัดพิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตนสวนสนามของนักศึกษาวิชาทหารเพื่อรำลึกถึงวีรกรรมของ ทหารประจำการ ตำรวจ ยุวชนทหาร และราษฏรอาสาสมัครที่ได้ร่วมมือต่อต้านข้าศึกในสงครามมหาเอเชียบูรพา
การคัดเลือก[แก้]
ช่วงเดือนพฤษภาคมของทุกปี จะมีการคัดเลือกนักเรียนนักศึกษาในสถาบันการศึกษาต่าง ๆ เพื่อเข้าเป็นนักศึกษาวิชาทหาร โดยผู้เข้ารับการคัดเลือกจะต้องมีคุณลักษณะดังนี้
- สำเร็จการศึกษาตั้งแต่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หรือเทียบเท่าขึ้นไป และมีผลการเรียนเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 1.00
- กำลังศึกษาอยู่ในสถานศึกษาที่หน่วยบัญชาการรักษาดินแดนเปิดทำการฝึกวิชาทหาร
- เป็นบุคคลชายหรือหญิงและมีสัญชาติไทย
- เป็นบุคคลผู้มีอายุไม่เกิน 22 ปี นับตามกฎหมายว่าด้วยการรับราชการทหาร และต้องได้รับคำยินยอมจาก บิดา มารดา หรือผู้ปกครอง (กรณีที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ) (ดูการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบด้านล่างประกอบ สำหรับผู้มีอายุต่ำกว่า 17 ปี)
- เป็นบุคคลที่ไม่พิการ ทุพพลภาพ หรือมีโรค ซึ่งไม่สามารถจะรับราชการทหารได้ ตามกฎหมาย ว่าด้วยการรับราชการทหาร พ.ศ. 2497
- เป็นบุคคลผู้มีน้ำหนัก ขนาดรอบตัว ขนาดส่วนสูง ตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ โดยผู้สมัครต้องผ่านการทดสอบร่างกาย ตามเกณฑ์ที่กำหนด
- มีใบรับรองของสถานศึกษาว่ามีความประพฤติเรียบร้อย สมควรเข้ารับการฝึกวิชาทหาร
- ไม่เป็นทหารประจำการ, ทหารกองประจำการ, ผู้ที่ปลดประจำการ ภายหลังจากรับราชการในกองประจำการครบกำหนด แล้วปลดเป็นทหารกองหนุนประเภทที่ 1 แล้ว หรือถูกกำหนดตัวให้เข้ากองประจำการแล้ว
- เป็นบุคคลผู้มีค่าดัชนีมวลกาย (BMI: Body Mass Index) อยู่ในเกณฑ์ปกติ และต้องไม่อยู่ในภาวะ โรคอ้วน ซึ่งมีดัชนีความหนาของร่างกาย ตั้งแต่ 30 กิโลกรัมต่อตารางเมตรขึ้นไป (BMI = น้ำหนักตัว (กก.) / ส่วนสูง² (ม.²) )
การทดสอบสมรรถภาพทางร่างกาย[แก้]
นอกจากคุณสมบัติข้างต้นแล้ว ผู้เข้ารับการทดสอบ จะต้องผ่านเกณฑ์ทดสอบสมรรถภาพการคัดเลือกนักศึกษาในปี พ.ศ. 2553 โดยแต่ละอย่างจะมีคะแนนเต็ม 100 คะแนน หากสามารถทำได้อย่างสมบูรณ์ (วิ่งครบระยะทาง/ดันพื้นและลุกนั่งครบจำนวนครั้ง ได้ตามระยะเวลาที่กำหนด) จะได้รับคะแนนเต็มในส่วนนั้น ๆ นอกจากนี้หากได้คะแนนเต็มทั้ง 3 ส่วน จะสามารถรายงานตัวเข้ารับการฝึกได้ทันที
ชาย[แก้]
- วิ่ง 800 เมตร ใน 3 นาที 15 วินาที
- ลุกนั่ง (ซิทอัพ) 34 ครั้ง ใน 2 นาที
- ดันพื้น (วิดพื้น) 22 ครั้ง ใน 2 นาที
หญิง[แก้]
- วิ่ง 800 เมตร ใน 4 นาที
- ลุกนั่ง (ซิทอัพ) 25 ครั้ง ใน 2 นาที
- ดันพื้น (วิดพื้น) 15 ครั้ง ใน 2 นาที (เข่าติดพื้น)
หลักสูตรและการเรียนการสอน[แก้]
เป้าหมายของการฝึกนักศึกษาวิชาทหารในแต่ละชั้นปี
- ชั้นปีที่ 1 และ 2 ให้นักศึกษาวิชาทหาร ให้มีความรู้วิชาทหารเบื้องต้น เพื่อให้บังเกิดระเบียบวินัย ลักษณะทหาร การเชื่อฟังและการปฏิบัติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาโดยเคร่งครัด สามารถใช้อาวุธประจำกาย และทำการยิงปืนอย่างได้ผล
- ชั้นปีที่ 3 ให้นักศึกษาวิชาทหาร ให้มีความรู้วิชาทหารทั้งทางเทคนิคและยุทธวิธี ให้สามารถทำหน้าที่ในตำแหน่งผู้บังคับหมู่ได้
- ชั้นปีที่ 4 ให้นักศึกษาวิชาทหาร ให้มีความรู้วิชาทหารทั้งทางเทคนิคและยุทธวิธี ให้สามารถทำหน้าที่ในตำแหน่งรองผู้บังคับหมวดได้
- ชั้นปีที่ 5 ให้นักศึกษาวิชาทหาร ให้มีความรู้วิชาทหารทั้งทางเทคนิคและยุทธวิธี ให้สามารถทำหน้าที่ในตำแหน่งผู้บังคับหมวดได้
การฝึกวิชาทหารดังกล่าว ถ้ามีการละเว้นการเรียน 1 ปีโดยไม่แจ้งลาพักเข้ารับการฝึก จะถือว่าสิ้นสุดสภาพความเป็นนักศึกษาวิชาทหารไม่สามารถเข้ารับการฝึกในชั้นปีต่อไปได้
นักศึกษาวิชาทหาร ในส่วนของกองทัพบก[แก้]
นักศึกษาวิชาทหารในส่วนของกองทัพบกสามารถแบ่งออกได้ 5 เหล่าคือ
- เหล่าทหารราบ
- เหล่าทหารม้า
- เหล่าทหารปืนใหญ่
- เหล่าทหารช่าง
- เหล่าทหารสื่อสาร
การเรียนการสอนนักศึกษาวิชาทหารแบ่งออกเป็นภาคที่ตั้งและภาคสนาม
สำหรับเหล่าทหารช่างและทหารเหล่าสื่อสารเริ่มการฝึกให้กับนักศึกษาวิชาทหารชั้นปีที่ 4 เมื่อปีการศึกษา 2549
ศูนย์ฝึกและหน่วยฝึก[แก้]
- กองทัพภาคที่ 1
- ศศท.
- ศฝ.นศท.กส.ทบ.
- ศฝ.นศท.มทบ.12
- ศฝ.นศท.มทบ.13
- ศฝ.นศท.มทบ.14
- นฝ.นศท.มทบ.15
- นฝ.นศท.มทบ.16
- นฝ.นศท.มทบ.17
- นฝ.นศท.มทบ.18
- นฝ.นศท.มทบ.19
- กองทัพภาคที่ 2
- ศฝ.นศท.มทบ.21
- ศฝ.นศท.มทบ.22
- ศฝ.นศท.มทบ.23
- ศฝ.นศท.มทบ.24
- นฝ.นศท.มทบ.25
- นฝ.นศท.มทบ.26
- นฝ.นศท.มทบ.27
- นฝ.นศท.มทบ.28
- นฝ.นศท.มทบ.29
- นฝ.นศท.มทบ.210
- กองทัพภาคที่ 3
- ศฝ.นศท.มทบ.31
- ศฝ.นศท.มทบ.32
- ศฝ.นศท.มทบ.33
- นฝ.นศท.มทบ.34
- นฝ.นศท.มทบ.35
- นฝ.นศท.มทบ.36
- นฝ.นศท.มทบ.37
- นฝ.นศท.มทบ.38
- นฝ.นศท.มทบ.39
- นฝ.นศท.มทบ.310
- กองทัพภาคที่ 4
- ศฝ.นศท.มทบ.41
- ศฝ.นศท.มทบ.42
- นฝ.นศท.มทบ.43
- นฝ.นศท.มทบ.44
- นฝ.นศท.มทบ.45
- นฝ.นศท.มทบ.46
ภาคที่ตั้ง[แก้]
หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน (นรด.) กำหนดให้หน่วยฝึกนักศึกษาวิชาทหารทำการฝึกทั้งหมด ทั้งหมด 80 ชม. โดยอาจฝึกแบบ 1 (20 สัปดาห์, สัปดาห์ละ 4 ชั่วโมง) หรือแบบ 4 (10 สัปดาห์, สัปดาห์ละ 8 ชั่วโมง) ในชั้นปีที่ 4 และ 5 นั้นจะมีการฝึกศึกษาวิชาเหล่าใน 40 ชม. หลัง
สำหรับส่วนภูมิภาค (มทบ. และ จทบ.) จะทำการฝึกภาคที่ตั้งในช่วงปิดภาคต้นของสถานศึกษาปกติ
การฝึกยุทธวิธี[แก้]นอกจากการฝึกทฤษฎีและวินัยแล้ว จะมีการฝึกยุทธวิธีด้วย เช่น ยิงปืน ลงทางดิ่ง และโดดหอสูง โดยเมื่อผ่านการฝึกแล้ว จะสามารถติดเครื่องหมายของแต่ละการฝึกได้
นักศึกษาวิชาทหารชายชั้นปีที่ 4 และ 5 ที่สังกัดกรุงเทพฯ และจังหวัดข้างเคียง จะถูกแยกฝึกตามเหล่า โดยการแยกฝึกนี้จะถูกกำหนดจากศูนย์ฝึกฯ ผ่านลงมาตามสถานศึกษา
การสอบ[แก้]ให้ดำเนินการสอบภาคปฏิบัติให้กับนักศึกษาวิชาทหารชั้นปีที่ 1–5 ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ในสัปดาห์ที่ 21 ของการฝึกวิชาทหาร ในภาคปกติ
ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2556 เป็นต้นไป ให้งดการสอบภาคทฤษฎีสำหรับ นักศึกษาวิชาทหารชั้นปีที่ 1 ชั้นปีที่ 2 และชั้นปีที่ 4 แต่ให้ดำเนินการสอบภาคทฤษฎีสำหรับ นักศึกษาวิชาทหารชั้นปีที่ 3 และชั้นปีที่ 5 เท่านั้น
ภาคสนาม[แก้]
นักศึกษาวิชาทหารชั้นปีที่ 1 ทั้งชายและหญิง ให้งดทำการฝึก นักศึกษาวิชาทหารที่สังกัดภายในกรุงเทพฯ หรือจังหวัดข้างเคียง ให้ทำการฝึกที่ค่ายฝึกเขาชนไก่ จ.กาญจนบุรี นักศึกษาวิชาทหารที่สังกัดส่วนภูมิภาค ให้ทำการฝึก ณ ที่ตั้งส่วนภูมิภาค
นักศึกษาวิชาทหารชาย[แก้]- ชั้นปีที่ 2 ทำการฝึกภาคสนามเป็นเวลา 3 วัน 2 คืน
- ชั้นปีที่ 3 ทำการฝึกภาคสนาม เป็นเวลา 5 วัน 4 คืน
- ชั้นปีที่ 4 และ 5 ทุกภาคส่วน ให้ทำการฝึกภาคสนาม ณ ค่ายฝึกเขาชนไก่ จ.กาญจนบุรี เป็นเวลา 7 วัน 6 คืน
หมายเหตุ เรื่องจากเหตุการณ์อุทกภัยในปลายปี พ.ศ. 2554 จึงทำให้งบประมาณที่จะใช้ในการฝึกภาคสนามไม่เพียงพอ ดังนั้น การฝึกภาคสนามประจำปีการศึกษา 2554 จึงดำเนินการฝึกให้สำหรับนักศึกษาวิชาทหารชั้นปีที่ 3 ถึง ชั้นปีที่ 5 เท่านั้น แต่เพิ่มวันฝึกภาคสนามให้สำหรับชั้นปีที่ 3 ในปีการศึกษา 2554 เดิมจาก 5 วัน 4 คืน เพิ่มเป็น 6 วัน 5 คืน
นักศึกษาวิชาทหารหญิง[แก้]- ชั้นปีที่ 2 และ 3 ทำการฝึกภาคสนาม เป็นเวลา 3 วัน 2 คืน
- ชั้นปีที่ 4 และ 5 ทุกภาคส่วน ให้ทำการฝึกภาคสนาม ณ ค่ายฝึกเขาชนไก่ จ.กาญจนบุรี เป็นเวลา 4 วัน 3 คืน
ปัจจุบัน มีการฝึกหลักสูตรพิเศษ เช่น การกระโดดร่มแบบพาราเซล โดยมีการฝึกภาคที่ตั้งและภาคสนามเพิ่มเติมจากหลักสูตรปกติ
หลักสูตรพาราเซล[แก้]
หลักสูตรพาราเซลสำหรับนักศึกษาวิชาทหาร จะเปิดรับสมัครให้แก่นักศึกษาชั้นปีที่ 3 กับชั้นปีที่ 4 เท่านั้นโดยแต่ละปีจะเปิดรับนักศึกษาชาย 100 คน หญิง 100 คนทั่วประเทศ โดยเกณฑ์การทดสอบร่างกายมีดังต่อไปนี้
ชาย:
- ดึงข้อ 15 ครั้ง ไม่จำกัดเวลา
- ลุกนั่ง 65 ครั้ง ในเวลา 2 นาที
- ดันพื้น 47 ครั้ง ในเวลา 2 นาที
- วิ่ง 1600 เมตร ในเวลา 8 นาที
หญิง:
- โหนบาร์ 1 นาที 15 วินาที
- ลุกนั่ง 55 ครั้ง ในเวลา 2 นาที
- ดันพื้น 33 ครั้ง ในเวลา 2 นาที (เข่าติดพื้น)
- วิ่ง 1600 เมตร ในเวลา 9.30 นาที
การฝึกพาราเซล จะใช้เวลาตรงกับการฝึกภาคสนามของนักศึกษาวิชาทหารผลัดใดผลัดหนึ่ง ตามที่แผนกวิชารบพิเศษ ศูนย์การนักศึกษาวิชาทหารกำหนด โดยจะกินเวลา 7 วัน และเลื่อนการฝึกภาคสนามผลัดนั้นและผลัดต่อไปออก ผู้เข้ารับการฝึกจะพักแรมในบริเวณของกองพันฝึกปกครองที่ 41 รวมกันทั้งหมด
นักศึกษาวิชาทหารผู้ผ่านการฝึก จะได้รับสิทธิในการติดเครื่องหมายปีกพาราเซลสีฟ้าเหนือป้ายชื่อ (หน้าอกด้านขวา)
นักศึกษาวิชาทหาร ในส่วนกองทัพเรือ (ราชนาวี)[แก้]
สังกัดกองการกำลังพลสำรอง กรมกำลังพลทหารเรือ โดย กพส.กพ.ทร.ได้ประสานกับ นรด.เพื่อจัดหานักศึกษาวิชาทหารที่มีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่ของกองทัพเรือหรือเป็นทหารกองหนุนประเภทที่ 1 ในส่วนของกองทัพเรือ (สมุดประจำตัวทหารกองหนุน หรือ สด.8 เป็นเล่มสีน้ำตาล) เข้ารับการศึกษาวิชาทหารในชั้นปีที่ 4 โดยแต่ละปีการศึกษาจะรับนึกศึกษาวิชาทหารประมาณ 90 นาย
พ.ศ. 2552 การฝึกนักศึกษาวิชาทหารชั้นปีที่ 1 ในส่วนของกองทัพเรือเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก ซึ่งจะขยายการฝึกจนครบทั้ง 5 ชั้นปีเช่นเดียวกับนักศึกษาวิชาทหารในส่วนของกองทัพบก แต่ยังเปิดรับนักศึกษาวิชาทหารที่สำเร็จการฝึกชั้นปีที่ 3 ในส่วนของกองทัพบกที่ประสงค์โอนย้ายมาฝึกวิชาทหารชั้นปีที่ 4 ในส่วนของกองทัพเรือไปจนถึงปีการศึกษา 2554
พ.ศ. 2555 เป็นต้นไป การรับนักศึกษาวิชาทหารชั้นปีที่ 4 จะรับสมัครนักศึกษาวิชาทหารที่สำเร็จการฝึกวิชาทหารชั้นปีที่ 3 จากกองทัพเรือเป็นเกณฑ์หลัก
ภาคทฤษฎี
- ชั้นปีที่ 1 – 2 จะทำการฝึก ณ ศูนย์ฝึกทหารใหม่ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี เป็นเวลาทั้งหมด 80 ชั่วโมง คิดเป็น 20 วันในช่วงเดือนกรกฎาคม
- ชั้นปีที่ 3 จะมีการแบ่งหน่วย ณ ศูนย์ฝึกทหารใหม่ ซึ่งมีอยู่ทั้งหมด 3 หน่วย คือ
- พรรคนาวิน สังกัด กองเรือยุทธการ (กร.)
- พรรคนาวิกโยธิน สังกัด หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน (นย.)
- พรรคนาวิน สังกัด หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง (สอ.รฝ.)
เมื่อทำการแยกหน่วยเสร็จสิ้น นักศึกษาวิชาทหารต้องเดินทางไปทำการฝึกที่หน่วยของตนในวันต่อไป
- ชั้นปีที่ 4 – 5 จะทำการเรียนภาควิชาทหารเรือ ณ กองการฝึก กองเรือยุทธการ
(หมายเหตุ : ข้อมูล นศท.ทร.ชั้นปีที่ 1 – 2 เป็นข้อมูลเดิม ก่อนการยุบหน่วย ศูนย์ฝึกทหารใหม่ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ เป็นศูนย์การฝึก หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง (เกล็ดแก้ว) เมื่อ 1 เมษายน 2562)
การรับสมัครบุคคลเข้าศึกษาวิชาทหารชั้นปีที่ 4
- เป็นผู้ที่สำเร็จวิชาทหารชั้นปีที่ 3 และปลดเป็นทหารกองหนุนประเภทที่ 1 (สมุด สด.8 สีน้ำตาล)
- ถ้าผู้เข้าศึกษาวิชาทหารชั้นปีที่ 4 ไม่ครบตามจำนวน จะพิจารณาจากนักศึกษาวิชาทหารที่สำเร็จชั้นปีที่ 3 ในส่วนของกองทัพบก (สมุด สด.8 สีเขียว) ในเขตพื้นที่จังหวัด ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด
- เมื่อปฏิบัติตามข้อที่ 2 ไม่ครบตามจำนวน จะพิจารณานักศึกษาวิชาทหารที่สำเร็จชั้นปีที่ 3 ในส่วนของกองทัพบก (สมุด สด.8 สีเขียว) นอกเขตพื้นที่จังหวัด ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด
นักศึกษาวิชาทหารในส่วนของกองทัพเรือสามารถแบ่งออกได้ 2 พรรค 3 หน่วย คือ
- พรรคนาวิน สังกัด กองเรือยุทธการ (กร.) เปิดรับทุก ๆ ปี ปีละประมาณ 45 นาย
- พรรคนาวิกโยธิน สังกัด หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน (นย.) เปิดรับปีเว้นปี ปีละประมาณ 45 นาย
- พรรคนาวิน สังกัด หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง (สอ.รฝ.) เปิดรับปีเว้นปี (สลับกับ นย.) ปีละประมาณ 45 นาย
การฝึกภาคสนาม/ทะเล
- นักศึกษาวิชาทหารชั้นปีที่ 2 จะทำการฝึกภาคสนามเป็นเวลา 3 วัน 2 คืน ณ ศูนย์ฝึกทหารใหม่
- นักศึกษาวิชาทหารชั้นปีที่ 3 จะทำการฝึกภาคสนาม ณ หน่วยของตนเป็นเวลา 7 วัน (กร., นย. หรือ สอ.รฝ.)
- นักศึกษาวิชาทหารชั้นปีที่ 4 จะเข้ารับการฝึกเป็นเวลา 7 วัน ที่กองการฝึก กองเรือยุทธการ (กฝร.)
- นักศึกษาวิชาทหารชั้นปีที่ 5 จะแยกฝึกตามสังกัดของตน (กร., นย. หรือ สอ.รฝ.) โดยใช้เวลาฝึก 17 วัน
- หลักสูตรก่อนการแต่งตั้งยศเป็น ว่าที่เรือตรี ณ ศูนย์การฝึก หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน (ศฝ.นย.) เป็นเวลา 15 วัน
นักศึกษาวิชาทหาร ในส่วนของกองทัพอากาศ[แก้]
ปีการศึกษา 2549 กรมกำลังพลทหารอากาศได้รับอนุมัติจากกองทัพอากาศ เปิดการฝึกนักศึกษาวิชาทหารชั้นปีที่ 1 และจะเปิดการฝึกครบทั้ง 5 ชั้นปี ในปีการศึกษา 2553 โดยกองทัพอากาศต้องการเน้นเฉพาะการฝึกนักศึกษาวิชาทหารเพื่อเป็นกำลังพลสำรองในส่วนช่างเทคนิค เพื่อชดเชยกำลังหลักในส่วนดังกล่าวที่ขาดแคลน โดยจะคัดเลือกเฉพาะนักศึกษาวิชาทหารที่สถานศึกษามีที่ตั้งใกล้เคียงกับกองบัญชาการกองทัพอากาศกรุงเทพมหานคร และเปิดสอนในด้านช่างเทคนิค ซึ่งได้แก่ วิทยาลัยเทคนิคดอนเมือง วิทยาลัยเทคนิคมีนบุรี โรงเรียนเซนต์จอห์นโปลิเทคนิค วิทยาลัยเทคโนโลยีช่างฝีมือปัญจวิทยา
การฝึกภาคทฤษฎี
การเรียนภาคทฤษฎีเริ่มทำการฝึกประมาณเดือนกรกฎาคม จนถึง เดือนพฤศจิกายน ของทุกปี ที่โรงเรียนจ่าอากาศ
การฝึกภาคสนาม
- นศท.ชั้นปีที่ 1 ฝึกภาคสนามที่โรงเรียนการบิน อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม
- นศท.ชั้นปีที่ 2 ฝึกภาคสนามที่ กองบิน 2 จังหวัดลพบุรี
- นศท.ชั้นปีที่ 3 ฝึกภาคสนามที่ กองบิน 4 อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์
- นศท.ชั้นปีที่ 4 และ นศท. ชั้นปีที่ 5 ฝึกภาคสนามที่ กองบิน 5 อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดประจวบคิรีขันธ์
การฝึกอบรมก่อนพิธีประดับยศ การอบรมใช้เวลา 5 วัน ดำเนินการโดยกรมยุทธศึกษาทหารอากาศ กองบัญชาการกองทัพอากาศ
วันจันทร์ที่ 19 กันยายน 2554 ได้มีพิธีประดับยศเป็น ว่าที่เรืออากาศตรี ให้กับ นศท. ชั้นปีที่ 5 ในส่วนของกองทัพอากาศ รุ่นที่ 1 ปีการศึกษา 2553
สิทธิที่นักศึกษาวิชาทหารจะได้รับ[แก้]
การแต่งกาย[แก้]
นักศึกษาวิชาทหารมีสิทธิแต่งเครื่องแบบนักศึกษาวิชาทหารได้ ตามพระราชบัญญัติเครื่องแบบนักศึกษาวิชาทหารและเครื่องแบบผู้กำกับนักศึกษาวิชาทหาร พ.ศ. 2521
นักเรียนผู้บังคับบัญชา[แก้]
เนื่องด้วยมีนักเรียนจำนวนมากเข้ารับการศึกษาวิชาทหารในแต่ละปี ทำให้เป็นการยากต่อครูผู้ฝึกที่จะควบคุมดูแลตามลำพัง จึงมีการคัดเลือกและแต่งตั้งนักเรียนผู้บังคับบัญชา (หรือนักเรียนบังคับบัญชา) เพื่อช่วยเหลือครูผู้ทำการฝึก โดยนักเรียนบังคับบัญชาจะได้รับสิทธิในการติดป้ายชั้นปีปรับสีเพื่อแสดงชั้นยศ และอาจได้รับปลอกแขน โดยในหลักสูตรจะมีชั้นยศอย่างเป็นทางการ 3 ระดับ ได้แก่
- หัวหน้านักเรียน(มีสถานะเทียบเท่าหัวหน้ากองพัน) สีฟ้า
- หัวหน้ากองร้อย สีแดง
- หัวหน้าหมวด สีเขียว
- ตำแหน่งนี้มักไม่มีการแต่งตั้ง, เรียกใช้ หรือฝึกฝนเป็นพิเศษ
นอกจากนี้ อาจมีการแต่งตั้งยศที่ไม่ได้มีการบรรจุในระเบียบอย่างเป็นทางการเพื่อการฝึก คือนักเรียนบังคับบัญชาระดับสูงหรือรองนักเรียนบังคับบัญชา โดยใช้ปลอกแขนคู่กับเลขชั้นปี สีประจำชั้นยศของยศพิเศษหรือแม้แต่ยศปกติข้างต้นอาจแตกต่างกันในแต่ละภาคส่วน
- หัวหน้ากรม (มีเฉพาะส่วนภูมิภาค)
- หัวหน้ากองพัน (สีน้ำเงิน; สำหรับภาคสนามของส่วนกลาง)
การยกเว้นตรวจเลือกเข้ารับราชการทหารกองประจำการ[แก้]
นักศึกษาวิชาทหารซึ่งอยู่ในระหว่างเข้ารับการฝึกวิชาทหารตามหลักสูตรของกระทรวงกลาโหมกำหนดตามพระราชบัญญัติส่งเสริมการฝึกวิชาทหาร พ.ศ. 2503 มีสิทธิได้รับการยกเว้นการเรียกมาตรวจเลือกเข้ารับราชการทหารกองประจำการในยามปกติ ตามพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ. 2497
การเข้ารับราชการทหารกองประจำการ[แก้]
บุคคลชายผู้มีสัญชาติไทยโดยกำเนิด มีหน้าที่รับราชการทหารด้วยตนเองทุกคน
- นักศึกษาวิชาทหารที่สำเร็จชั้นปีที่ 1 มีสิทธิเข้ารับราชการทหารกองประจำการ 1 ปี 6 เดือน หรือร้องขอสมัครใจเป็น 1 ปี
- นักศึกษาวิชาทหารที่สำเร็จชั้นปีที่ 2 มีสิทธิเข้ารับราชการทหารกองประจำการ 1 ปี หรือร้องขอสมัครใจเป็น 6 เดือน
- นักศึกษาวิชาทหารที่สำเร็จชั้นปีที่ 3 4 และ 5 มีสิทธิได้รับการขึ้นทะเบียนกองประจำการและปลดเป็นทหารกองหนุนประเภทที่ 1 (ได้รับยกเว้นการเข้ารับราชการทหารกองประจำการ)
การเพิ่มคะแนนพิเศษ[แก้]
นักศึกษาวิชาทหารมีสิทธิได้รับการเพิ่มคะแนนพิเศษ เมื่อสอบเข้าโรงเรียนทหาร ตามข้อบังคับ กห.ว่าด้วยโรงเรียนทหาร พ.ศ. 2492 คือ
- สำเร็จการฝึกวิชาทหารชั้นปีที่ 1 เพิ่มให้ร้อยละ 3
- สำเร็จการฝึกวิชาทหารชั้นปีที่ 2 เพิ่มให้ร้อยละ 4
- สำเร็จการฝึกวิชาทหารชั้นปีที่ 3 เพิ่มให้ร้อยละ 5
- สำเร็จการฝึกวิชาทหารชั้นปีที่ 4 เพิ่มให้ร้อยละ 6
- สำเร็จการฝึกวิชาทหารชั้นปีที่ 5 เพิ่มให้ร้อยละ 7
การแต่งตั้งยศทหาร[แก้]
การแต่งตั้งยศทหารของนักศึกษาวิชาทหารผู้สำเร็จการฝึกวิชาทหาร (ในส่วนของกองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ) ซึ่งเป็นผู้มีคุณสมบัติครบถ้วนตามข้อบังคับกระทรวงกลาโหม ว่าด้วยการแต่งตั้งยศทหาร พ.ศ. 2507 ระเบียบกระทรวงกลาโหม ว่าด้วยการแต่งตั้งยศผู้สำเร็จการฝึกวิชาทหารตามหลักสูตรของกระทรวงกลาโหม ตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการฝึกวิชาทหาร พ.ศ. 2524 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบกระทรวงกลาโหม ว่าด้วยการแต่งตั้งยศผู้สำเร็จการฝึกวิชาทหารตามหลักสูตรของกระทรวงกลาโหม ตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการฝึกวิชาทหาร (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2537 ดังต่อไปนี้
ระดับการศึกษา วิชาทหารหลักสูตรของ กห. ระดับการศึกษา วิทยฐานะ ศธ.รับรอง ยศทหาร ทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ อักษรย่อ ทบ. ทร. ทอ. เงื่อนไข ชั้นปีที่ 1 มัธยมศึกษาตอนปลาย (เทียบเท่า) สิบตรี จ่าตรี จ่าอากาศตรี ส.ต., จ.ต., จ.ต. เข้ารับราชการกองประจำการครบกำหนดแล้ว อนุปริญญา (เทียบเท่า) - ปริญญาตรี สิบโท จ่าโท จ่าอากาศโท ส.ท., จ.ท., จ.ท. รับราชการกองประจำการครบกำหนดแล้วขึ้นทะเบียนและนำปลดแล้ว ชั้นปีที่ 2 - สิบตรี จ่าตรี จ่าอากาศตรี ส.ต., จ.ต., จ.ต. เข้ารับราชการกองประจำการครบกำหนดแล้ว มัธยมศึกษาตอนปลาย (เทียบเท่า) สิบโท จ่าโท จ่าอากาศโท ส.ท., จ.ท., จ.ท. รับราชการกองประจำการครบกำหนดแล้วขึ้นทะเบียนและนำปลดแล้ว อนุปริญญา (เทียบเท่า) - ปริญญาตรี สิบเอก จ่าเอก จ่าอากาศเอก ส.อ., จ.อ., จ.อ. รับราชการกองประจำการครบกำหนดแล้วขึ้นทะเบียนและนำปลดแล้ว ชั้นปีที่ 3 - สิบโท จ่าโท จ่าอากาศโท ส.ท., จ.ท., จ.ท. ขึ้นทะเบียนและนำปลดแล้ว มัธยมศึกษาตอนปลาย (เทียบเท่า) สิบเอก จ่าเอก จ่าอากาศเอก ส.อ., จ.อ., จ.อ. ขึ้นทะเบียนและนำปลดแล้ว อนุปริญญา (เทียบเท่า) - ปริญญาตรี จ่าสิบตรี พันจ่าตรี พันจ่าอากาศตรี จ.ส.ต., พ.จ.ต., พ.อ.ต. ขึ้นทะเบียนและนำปลดแล้ว ชั้นปีที่ 4 ศึกษาอนุปริญญา (เทียบเท่า) แต่ไม่สำเร็จการศึกษา จ่าสิบตรี พันจ่าตรี พันจ่าอากาศตรี จ.ส.ต., พ.จ.ต., พ.อ.ต. ขึ้นทะเบียนและนำปลดแล้ว อนุปริญญา (เทียบเท่า) จ่าสิบโท พันจ่าโท พันจ่าอากาศโท จ.ส.ท., พ.จ.ท., พ.อ.ท. ขึ้นทะเบียนและนำปลดแล้ว ปริญญาตรี จ่าสิบเอก พันจ่าเอก พันจ่าอากาศเอก จ.ส.อ., พ.จ.อ., พ.อ.อ. ขึ้นทะเบียนและนำปลดแล้ว ชั้นปีที่ 5 ศึกษาอนุปริญญา (เทียบเท่า) แต่ไม่สำเร็จการศึกษา จ่าสิบเอก พันจ่าเอก พันจ่าอากาศเอก จ.ส.อ., พ.จ.อ., พ.อ.อ. ขึ้นทะเบียนและนำปลดแล้ว อนุปริญญา (เทียบเท่า) - ปริญญาตรี (ว่าที่) ร้อยตรี, (ว่าที่) เรือตรี, (ว่าที่) เรืออากาศตรี (ว่าที่) ร.ต., (ว่าที่) ร.ต.(ชื่อ)ร.น., (ว่าที่) ร.ต. ได้รับการฝึกอบรมตามระเบียบการแต่งตั้งยศของเหล่าทัพแล้ว นำขึ้นทะเบียนและนำปลด หลักสูตรฝึกเลื่อนยศ(สูงสุด) (ว่าที่) พันเอก,(ว่าที่) นาวาเอก, (ว่าที่) นาวาอากาศเอก (ว่าที่) พ.อ., (ว่าที่) น.อ.(ชื่อ)ร.น., (ว่าที่) น.อ. เข้ารับการฝึกเลื่อนยศ ตามประกาศของหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน
โดยจะเปิดรับสัมครทหารกองหนุนเข้ารับการฝึกเป็นประจำทุกปี โดยต้องเป็นนายทหารกองหนุนชั้นยศ และเหล่า ตามที่กำหนด
หมายเหตุ 1 : ยศทหารชั้นสัญญาบัตรที่มิได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ พระราชทานยศทหาร ให้มีคำว่า "ว่าที่" นำหน้ายศนั้น ๆ
หมายเหตุ 2 : เมื่อทหารกองเกินสำเร็จการฝึกวิชาทหารแล้วปลดจากกองประจำการจะได้รับการแต่งตั้งยศทหารเป็นนายทหารสัญญาบัตรแล้วปลดเป็นนายทหารสัญญาบัตรกองหนุน (ไม่มีเบี้ยหวัด) หรือได้รับการแต่งตั้งเป็นนายทหารประทวน แล้วปลดเป็นนายทหารประทวนกองหนุน (ไม่มีเบี้ยหวัด)แล้วแต่กรณีตามชั้นปีที่สำเร็จการศึกษาและเขื่อนไขดังกล่าวตามตารางข้างต้น
หมายเหตุ 3 : เมื่อสมัครสอบคัดเลือกและได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการทหาร การแต่งตั้ง การเลื่อนหรือลดตำแหน่ง การย้าย การโอน การเลื่อนชั้นเงินเดือน...ให้เป็นไปตามกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการบรรจุบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการทหารและการให้ได้รับเงินเดือน พ.ศ. 2555 ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการทหาร พ.ศ. 2521 (แก้ไขเพิ่มเติม ฉับบที่ 7 พ.ศ. 2551) ส่วนการแต่งตั้งยศทหารให้เป็นไปตามระเบียบที่กระทรวงกลาโหมกำหนดตามพระราชบัญญัติยศทหาร พ.ศ. 2479 (แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 4 พ.ศ. 2494 และฉบับที่ 7 พ.ศ. 2505)
หมายเหตุ 4 : ปัจจุบันไม่มีการเปิดการฝึกหลักสูตร ชั้นนายพัน (ยศ ว่าที่พันตรี, ว่าที่นาวาตรี, ว่าที่นาวาอากาศตรี) มาเป็นระยะเวลานานแล้ว
หมายเหตุ 5 : ระเบียบกระทรวงกลาโหม ว่าด้วยหลักเกณฑ์การเลื่อนยศและการเลื่อนฐานะกำลังพลสำรองที่เข้ารับราชการทหารในการเรียกกำลังพลสำรอง เพื่อฝึกวิชาทหาร เพื่อปฏิบัติราชการ หรือเพื่อทดลองความพรั่งพร้อม และในการระดมพล พ.ศ. 2565 (หมวด 1 ข้อ 5) สามารถเลื่อนยศได้สูงสุดไม่เกิน ว่าที่พันเอก, ว่าที่นาวาเอก, ว่าที่นาวาอากาศเอก
แนวคิดที่จะแก้ไขกฎระเบียบ[แก้]
ตั้งแต่ปีการศึกษา 2555 จะไม่รับผู้มีอายุ 15 ปี (ซึ่งเป็นอายุที่กำลังศึกษาในระดับ ม.3-4) และจะเลือกรับผู้มีอายุ 17 ปีขึ้นไปก่อน ตามข้อเสนอของคณะกรรมการสิทธิเด็กแห่งสหประชาชาติที่มิให้ฝึกใช้อาวุธแก่บุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบกในขณะนั้น ได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับหลักสูตรการฝึกนักศึกษาวิชาทหาร ต้องมีการปรับปรุงให้ทันต่อสถานการณ์ และ ต้องให้ทันต่อภัยคุกคามรูปแบบใหม่ และได้กล่าวถึงปัญหาในปัจจุบันที่มีผู้ที่เข้ามารับสมัครเข้าเป็นนักศึกษาวิชาทหาร จำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ และได้แสดงความเป็นห่วงว่า ต่อไปถ้ามีผู้ที่เข้ามารับสมัครเข้าเป็นนักศึกษาวิชาทหารมากขึ้นเรื่อยๆ อาจจะทำให้จำนวนผู้ที่ต้องเข้ารับการเกณฑ์ทหารมีจำนวนลดน้อยลงเรื่อยๆ และในปัจจุบันอัตราส่วนอยูที่ 2.3 คน ต่อการเป็นทหารเกณฑ์ 1 คน ซึ่งจำนวนนี้จะลดน้อยลงเรื่อย ๆ ถ้ามีผู้ที่สำเร็จการฝึกวิชาทหารชั้นปีที่ 3 มากขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้น ท่านจึงได้มีแนวคิดที่จะแก้ไขระเบียบให้นักศึกษาวิชาทหารที่สำเร็จหลักสูตรชั้นปีที่ 3 ขึ้นไป ต้องเข้ารับการเกณฑ์ทหารประจำปีตามปกติ เหมือนชายไทยทั่วไปที่ไม่ได้เรียนนักศึกษาวิชาทหาร หรือ เรียนแต่ไม่สำเร็จการฝึกวิชาทหารชั้นปีที่ 3
พลโทวิชิต ศรีประเสริฐ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน ได้ให้สัมภาษณ์ถึงแนวคิดของ ผบ.ทบ. ที่มีแนวคิดให้ผู้ที่เรียนจบหลักสูตรนักศึกษาวิชาทหาร ต้องเข้ามาเกณฑ์ทหารว่า แนวคิดดังกล่าวถือว่าเป็นแนวคิดที่ดี และกองทัพมีแนวคิดในเรื่องนี้มานานแล้วว่า ทุกคนที่เรียนจบหลักสูตรนักศึกษาวิชาทหาร ควรเข้ามารับการฝึกประมาณ 3–6 เดือน เพื่อเพิ่มพูนจิตวิญญาณในการรักชาติ ซึ่งเป็นเพียงแค่การขยายแนวความคิดเท่านั้น ต้องศึกษาวิธีการต่อไป ว่าจะทำอย่างไรกันต่อไป ปัจจัยที่สำคัญที่สุดคือ การเพิ่มยอดนักศึกษาวิชาทหาร เพราะผู้ที่ได้เรียนนักศึกษาวิชาทหารส่วนใหญ่มาจากผู้ที่ได้เข้าเรียนตามสถานศึกษาต่าง ๆ ในระดับชั้น ม.4–6 แต่ชายไทยที่ไม่มีโอกาสได้เรียนหนังสือ จะต้องเข้ารับการเกณฑ์ทหารทั้งหมด ซึ่งมันทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำได้ และ จากการหารือในรายละเอียด ก็ได้มีแนวทางว่า ต่อไปนักศึกษาวิชาทหารที่สำเร็จการฝึกวิชาทหารชั้นปีที่ 3 ขึ้นไป อาจจะต้องเข้ารับการตรวจเลือกเข้าเป็นทหารกองประจำการ แต่จะได้สิทธิลดหย่อนระยะเวลาในการรับราชการทหารแทน โดยอาจจะต้องเข้ามาประจำการเป็นทหารเกณฑ์ประมาณ 3–6 เดือน
พลตรีทวีชัย กฤษิชีวิน ผู้บัญชาการศูนย์การกำลังสำรอง ได้ให้สัมภาษณ์ถึงหลักสูตรการฝึกนักศึกษาวิชาทหารว่า ณ ปัจจุบัน นักศึกษาวิชาทหารที่เรียนจบชั้นปีที่ 3 มีสิทธิ์ได้ขึ้นทะเบียนกองประจำการ และปลดเป็นทหารกองหนุนประเภทที่ 1 ได้รับยกเว้นไม่ต้องเกณฑ์ทหาร แต่อนุสัญญาเจนีวา ที่ห้ามฝึกอาวุธให้กับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี จึงทำให้นักศึกษาวิชาทหารไม่สามารถฝึกอาวุธได้เข้มข้นเทียบเท่ากับทหารเกณฑ์ ดังนั้นจึงได้เสนอแนวคิดมาว่า ถ้านักศึกษาวิชาทหารเรียนจบชั้นปีที่ 3 ต้องเข้ารับการเกณฑ์ทหารตามปกติ แต่ลดระยะเวลาการรับราชการทหารกองประจำการลงเหลือ 6 เดือน มิฉะนั้น ยังไม่ทันยิงปืนเป็นเรียนจบแล้ว แต่ถ้านักศึกษาวิชาทหารเรียนจบชั้นปีที่ 5 มีสิทธิ์ได้ขึ้นทะเบียนกองประจำการ และ ปลดเป็นทหารกองหนุนประเภทที่ 1 โดยไม่ต้องรับราชการในกองประจำการ ดังนั้น ถ้านักศึกษาวิชาทหารที่เรียนจบชั้นปีที่ 3 แล้วไม่ต้องการเป็นทหารต่อ จะต้องเรียนจนจบชั้นปีที่ 5 และหลักสูตรการการฝึกอาวุธ ได้ขยายไปอยู่ในชั้นปีที่ 4 – 5 และจะทำให้กองทัพสามารถผลิตทหารกองหนุนออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ปัจจุบัน ทุก ๆ อย่างที่ผู้บัญชาการทั้ง 3 ท่านได้กล่าวมานั้น ยังเป็นเพียงแค่แนวคิด ยังไม่มีการดำเนินการใด ๆ ทั้งสิ้น ยังคงใช้กฎระเบียบเดิมคือ ผู้ที่เรียนจบนักศึกษาวิชาทหารชั้นปีที่ 3 มีสิทธิ์ได้ขึ้นทะเบียนกองประจำการ และปลดเป็นทหารกองหนุนประเภทที่ 1 โดยไม่ต้องเข้ารับราชการทหารเป็นทหารกองประจำการอีกต่อไป
ข้อผูกพันต่อทางราชการ[แก้]
นักศึกษาวิชาทหารที่สำเร็จหลักสูตรชั้นปีที่ 3, ชั้นปีที่ 4 หรือ ชั้นปีที่ 5 ให้ขึ้นทะเบียนกองประจำการ และนำปลดเป็นทหารกองหนุนประเภทที่ 1 โดยได้รับการยกเว้นไม่ต้องเข้ารับราชการเป็นทหารกองประจำการ และถือว่าเป็นกำลังพลสำรองของกองทัพแล้ว ทางราชการมีสิทธิ์เรียกพลเพื่อตรวจสอบสภาพ, ตรวจสอบบัญชีรายชื่อ หรือเพื่อฝึกวิชาทหารได้ทุกเวลา ซึ่งถ้ามีการเรียกพล ทางอำเภอจะส่งหมายเรียกไปที่บ้านของผู้นั้น เพื่อนัดวัน เวลา และสถานที่ ซึ่งผู้ถูกเรียกพล ต้องมารายงานตัวตาม วัน เวลา และ สถานที่ที่กำหนดไว้ โดยมีกำหนดการเรียกพลเพื่อฝึกวิชาทหาร 10 ปี ตามเงื่อนไขของระบบการกำลังพลสำรอง ซึ่งการเรียกพลจะกระทำจนถึงอายุ 29 ปีบริบูรณ์ ถ้าหากทหารกองหนุนท่านใดหลีกเลี่ยงการเรียกพลเพื่อฝึกวิชาทหาร ต้องรับโทษ ตาม พ.ร.บ. การรับราชการทหาร พ.ศ. 2497
ทหารกองหนุนท่านใดที่กำลังเรียนหลักสูตรนักศึกษาวิชาทหารต่อในชั้นปีที่ 4 หรือ ชั้นปีที่ 5 สามารถขอผ่อนผันการเรียกพลเพื่อฝึกวิชาทหารได้ โดยต้องนำ สด.8 (สมุดประจำตัวทหารกองหนุนประเภทที่ 1) และเอกสารขอผ่อนผันมายื่นที่อำเภอให้เรียบร้อยอย่างถูกต้อง หากไม่ปฏิบัติตามวิธีการผ่อนผันที่ถูกต้อง จะถือว่าผู้นั้นหลีกเลี่ยงการเรียกพลเพื่อฝึกวิชาทหาร ต้องรับโทษเช่นเดียวกับผู้สำเร็จนักศึกษาวิชาทหารชั้นปีที่ 3 ที่ไม่ได้ผ่อนผันการเรียกพลเพื่อฝึกวิชาทหาร แต่หลีกเลี่ยงไม่ปฏิบัติตามหมายเรียกพลเช่นกัน
ดูเพิ่ม[แก้]
- การเกณฑ์ทหารในประเทศไทย
อ้างอิง[แก้]
- มาตรา 4 วรรค 1 แห่ง พ.ร.บ. ส่งเสริมการฝึกวิชาทหาร (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2521
- มาตรา 26 แห่ง พ.ร.บ. จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ. 2551
- พ.ร.บ.จัดระเบียบป้องกันราชอาณาจักร พ.ศ. 2491
- พ.ร.บ.จัดระเบียบป้องกันราชอาณาจักร พ.ศ. 2500
- กฎกระทรวง พ.ศ. 2494 ออกตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมการฝึกวิชาทหาร พ.ศ. 2494
- พระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ. 2497
- พระราชบัญญัติส่งเสริมการฝึกวิชาทหาร (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2497
- พระราชบัญญัติส่งเสริมการฝึกวิชาทหาร พ.ศ. 2494
- "นายทหารกองหนุน" (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2016-03-04. สืบค้นเมื่อ 2011-11-20.
- ข้อบังคับ กห.ว่าด้วยผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยตาม กม.ว่าด้วยการส่งเสริมการฝึกวิชาทหาร พ.ศ. 2498
- ข้อบังคับ กห.ว่าด้วยผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยตาม กม.ว่าด้วยการส่งเสริมการฝึกวิชาทหาร (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2499
- จากบทความ "นักศึกษาวิชาทหาร" ในสูจิบัตรงานวันกำลังสำรอง ปี 2553 หน้าที่ 58 บรรทัดที่ 8 โดย ศาสตราจารย์พิเศษ ว่าที่ร้อยตรี ดร.กัญจน์ นาคามดี
- พระราชบัญญัติส่งเสริมการฝึกวิชาทหาร พ.ศ. 2503
- มาตรา 9 แห่ง พ.ร.บ.ส่งเสริมการฝึกวิชาทหาร พ.ศ. 2503
- "พ.ร.ฎ.แบ่งส่วนราชการ และกำหนดหน้าที่ของส่วนราชการ กองทัพบก พ.ศ. 2544" (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2015-06-05. สืบค้นเมื่อ 2011-04-27.
- พระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการ และกำหนดหน้าที่ของส่วนราชการ กองทัพบก กองทัพไทย กระทรวงกลาโหม พ.ศ. 2552
- "หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-05-28. สืบค้นเมื่อ 2010-11-13.
- //www.ruksadindan.com/orgchart.html[ลิงก์เสีย]
- กฎกระทรวง ฉบับที่ 10
- กฎกระทรวง ฉบับที่ 74
- กฎกระทรวง ฉบับที่ 12 ข้อ 2 (7)
- เอกสารประกอบการประชุมชี้แจงการรับสมัครเข้าฝึกวิชาทหารประจำปีการศึกษา 2553 โดย นรด.
- ศฝ.นศท. ศฝท. ยศ.ทร.
- ↑ [//www.navy.mi.th/reserve//w ebpage/th/studytrain.html "การเรียนภาคทฤษฎี/การฝึกภาคปฏิบัติ"]
- "การอบรมก่อนการแต่งตั้งยศ"
- "พิธีประดับเครื่องหมายยศ เรืออากาศตรี แก่ นศท.ทอ. ที่สำเร็จการฝึกวิชาทหารชั้นปีที่ 5". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-06-05. สืบค้นเมื่อ 2011-09-19.
- พระราชบัญญัติรับราชการทหาร ฉบับที่ 3 พ.ศ. 2507 มาตรา 3 แก้ไขมาตรา 14
- กฎหมายรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2550 เก็บถาวร 2007-09-27 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน มาตรา 73 บุคคลมีหน้าที่รับราชการทหาร... ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายบัญญัติ และ พระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ. 2497 มาตรา 7 ชายที่มีสัญชาติไทยตามกฎหมาย มีหน้าที่รับราชการทหารด้วยตนเองทุกคน
- พระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ. 2497 มาตรา 4 (4) ทหารกองหนุนประเภทที่ 1 หมายความว่า ... หรือ ทหารกองเกินซึ่งสำเร็จการฝึกวิชาทหารตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการฝึกวิชาทหาร และได้ขึ้นทะเบียนกองประจำการแล้วปลดเป็นกองหนุนตามพระราชบัญญัตินี้
- การส่งเสริมการฝึกวิชาทหาร
- "ชมรมการกำลังสำรองแห่งประเทศไทย จังหวัดชลบุรี". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-10-11. สืบค้นเมื่อ 2011-02-19.
- "ข้อบังคับกระทรวงกลาโหมว่าด้วยการแต่งตั้งยศทหาร" (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2015-06-05. สืบค้นเมื่อ 2012-09-03.
- ข้อบังคับทหารว่าด้วยการแบ่งประเภทนายทหารสัญญาบัตร[ลิงก์เสีย] กฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีบรรจุบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการทหารและการให้ได้รับเงินเดือน พ.ศ. 2555