เผยแพร่: 27 ธ.ค. 2555 18:50 โดย: MGR Online
ศาลปกครองยันมติ ป.ป.ช.ชอบด้วย กม.สั่งไล่ออก จนท.ที่ดิน ออกโฉนดเอื้อโกงโครงการคลองด่าน เหตุทุจริตจริง หลังอดีต 4 ช่างรังวัด ฟ้องนายกฯ-อธิบดีที่ดิน และขอรับกลับเข้า ขรก.
วันนี้ (27 ธ.ค.) ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษายกฟ้องในคดีที่เกี่ยวกับโครงบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน รวม 4 คดี เป็นกรณีนายพรชัย ดิสกุล นายสมมาตร์ ดลมินทร์ นายชวณัฐ โฉมจังหวัด นายไพศาล กาญจนประพันธ์ ซึ่งทั้งหมดเป็นอดีตนายช่างรังวัด พนักงานกรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย ฟ้องนายกรัฐมนตรี และอธิบดีกรมที่ดิน กรณี ขอให้ศาลปกครองมีคำสั่งเพิกถอนมติคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่สั่งลงโทษวินัยร้ายแรงไล่ออกจากราชการทุจริตต่อหน้าที่ราชการ กรณีออกโฉนดทับที่สงวนหวงห้ามในพื้นที่ ต.คลองด่าน อ.บางบ่อ จ.สุมทรปราการ ให้แก่บริษัทปาล์มบีช ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด และนายวัฒนา อัศวเหม จนเป็นที่มาของการทุจริตโครงการบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน เนื่องจากเห็นว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย และขอให้สั่งให้กลับเข้ารับราชการ และคืนสิทธิเงินเดือน เงินบำเหน็จบำนาญที่ควรได้รับกับผู้ฟ้องคดี
โดยเหตุที่ศาลยกฟ้องเนื่องจากเห็นว่ากระบวนการไต่สวน และการแจ้งข้อกล่าวหาของคณะอนุกรรมการไต่สวนของ ป.ป.ช.จนนำมาสู่การมีมติของคณะกรรมการ ป.ป.ช.นั้นชอบด้วยกฎหมายแล้ว ดังนั้น การที่นายกรัฐมนตรียกคำอุทธรณ์ของผู้ฟ้องคดีที่อุทธรณ์มติ ป.ป.ช.จึงชอบแล้ว ขณะเดียวกันก็เห็นว่าพฤติการณ์กระทำของผู้ฟ้องคดี ถือได้ว่าเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบ เพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้รับประโยชน์ที่มิควรได้ เป็นการทุจริตต่อหน้าที่จงใจให้ราชการเกิดความเสียหายจริง จึงมีคำพิพากษาให้ยกฟ้อง
เผยแพร่: 29 มี.ค. 2559 14:59 ปรับปรุง: 29 มี.ค. 2559 15:25 โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม
MGR Online - ชาวบ้าน “ชุมชนเตาอิฐ” สงขลา ร้องดีเอสไอตรวจสอบการออกโฉนดที่ดิน “วัดอุทัยธาราม” หลังเรียกเก็บค่าที่อยู่ย้อนหลัง 30 ปี เดือดร้อนหนักกว่า 200 ครอบครัว
วันนี้ (29 มี.ค.) เวลา 09.00 น. กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายบุญเหลือ สุขปลื้ม ผู้ประสานงานชุมชนเตาอิฐ อ.เมือง จ.สงขลา พร้อมชาวบ้านประมาณ 100 คน เดินทางยื่นเอกสารร้องทุกข์ต่อ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.ศูนย์บริหารคดีพิเศษ ในฐานะรองโฆษกดีเอสไอ หลังได้รับความเดือดร้อนไม่มีที่ทำกินและที่พักอาศัยราว 200 หลังคาเรือน เนื่องจากถูกวัดอุทัยธารามฟ้องขับไล่ออกจากที่ดินซึ่งใช้เป็นที่อยู่อาศัยมาตั้งแต่ปี 2505
นายบุญเหลือกล่าวว่า ชุมชนเตาอิฐ หรือชื่อเดิมคือชุมชนท่าสะอ้าน อยู่ในพื้นที่มากกว่า 50 ปี ตั้งแต่ปี 2505 โดยที่ดินตั้งอยู่บริเวณหลังวัดอุทัยธาราม พื้นที่ชายทะเล และรัฐได้จัดสรรให้ตั้งแต่สมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ต่อมาเทศบาลนครสงขลาออกโฉนดที่ดินในบริเวณดังกล่าวและครอบคลุมยังพื้นที่ของวัดอุทัยธาราม ทางวัดฯ จึงไปฟ้องร้องดำเนินคดี กระทั่งปี 2541 ทางเทศบาลได้แพ้คดีตามคำพิพากษาฎีกา แต่ต่อมาในปี 2543 ทางวัดกลับออกโฉนดที่ดินครอบพื้นที่ชุมชนของชาวบ้าน พร้อมอ้างกรรมสิทธิ์ว่าเป็นที่ดินของวัด นายบุญเหลือกล่าวอีกว่า ช่วงระหว่างดำเนินเรื่องออกโฉนดที่ดินของทางวัดนั้น ชาวบ้านในชุมชนไม่ทราบมาก่อน รวมทั้งไม่เข้าใจว่าพื้นที่ชายทะเลมีการออกโฉนดที่ดินให้แก่วัดได้อย่างไร นอกจากนี้ วัดได้เรียกเก็บเงินค่าที่อยู่อาศัยย้อนหลัง 20-30 ปี ส่งผลกระทบต่อชาวบ้านจำนวนมาก ทำให้วันนี้มีการรวมตัวของคนในชุมชนมาขอความเป็นธรรมจากดีเอสไอเพื่อให้ตรวจสอบโฉนดที่ดินดังกล่าว
ด้าน พ.ต.ต.วรณันเปิดเผยว่า เบื้องต้นได้รับเรื่องร้องเรียนของชาวบ้านไปดำเนินการตรวจสอบการออกโฉนดที่ดินของวัดว่าถูกต้องหรือไม่ ทั้งนี้ได้เตรียมประสานหน่วยงานภาครัฐในพื้นที่ลงไปดูแล
กรมป่าไม้ กางกม.มาตรา 61 แจงปมเพิกถอนโฉนดที่ดิน 33 แปลง อ่าวนาง จ.กระบี่ ยันเป็นอำนาจหน้าที่กรมที่ดินดำเนินการได้ทันที หลังได้รับแจ้งผลชี้มูล ป.ป.ช. ไม่เกี่ยวคดีอาญาส่งเรื่องอัยการฟ้องศาล ย้อนกลับให้ไปดูกม.ป.ป.ช.ประกอบ ถ้าหน่วยงานใดไม่ปฏิบัติตามจะมีผลอย่างไร
สืบเนื่องจากสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ได้ติดตามนำเสนอข่าวปัญหาการออกโฉนดในพื้นที่หมู่ 3 ต.หนองทะเล อ.เมืองกระบี่ จ.กระบี่ บุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ ป่าอ่าวนาง - หางนาค โดยภายหลังจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เข้าตรวจสอบและส่งเรื่องให้คณะกรรมการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ไต่สวนข้อเท็จจริง กระทั่งคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลว่าโฉนดที่ดิน 39 แปลง (ออกไปแล้ว 33 แปลง และอยู่ระหว่างดำเนินการอีก 6 แปลง) ออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทว่า ผ่านมากว่า 3 ปี กรมที่ดินยังไม่มีคำสั่งเพิกถอนโฉนดแต่อย่างใด
โดยกรมที่ดิน ได้ทำคำชี้แจงต่อสำนักข่าวอิศราว่า กรณีไม่เพิกถอนโฉนด 39 แปลง (ออกไปแล้ว 33 แปลง และอยู่ระหว่างดำเนินการอีก 6 แปลง) ตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลว่าออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายเมื่อปี 2560 ว่า เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ ในการดำเนินการตามมาตรา 99 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 เมื่อ ป.ป.ช.ได้แจ้งให้กรมป่าไม้พิจารณาดำเนินการยื่นคำร้องต่อศาลให้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้เพิกถอนโฉนดที่ดินและกรมป่าไม้ได้ส่งเรื่องดังกล่าวให้สำนักงานอัยการสูงสุดพิจารณาจัดพนักงานอัยการดำเนินคดีหรือยื่นคำร้องต่อศาล แล้ว อธิบดีกรมที่ดิน ไม่สามารถใช้อำนาจเพิกถอนโฉนดได้ (อ่านข่าวเกี่ยวข้อง:หน้าที่กรมป่าไม้ฟ้องศาล! กรมที่ดินแจงไม่มีอำนาจเพิกถอนโฉนด 33 แปลงอ่าวนาง)
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา ได้รับคำชี้แจงจากแหล่งข่าวระดับสูงในกรมป่าไม้ว่า ในข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรณีการเพิกถอนโฉนด 33 แปลง ที่เป็นปัญหาดังกล่าว เป็นอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายของกรมที่ดิน ที่สามารถดำเนินการเพิกถอนที่ดินได้ทันที หลังจากได้รับแจ้งผลการชี้มูลคดีจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. เป็นทางการแล้ว
ทั้งนี้ ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 61 ระบุไว้ว่า เมื่อความปรากฏว่าได้ออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชน์หรือได้จดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์หรือจดแจ้งเอกสารรายการจดทะเบียนอสังหาริมทรัพย์ให้แก่ผู้ใดโดยคลาดเคลื่อนหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย ให้อธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมายซึ่งดํารงตําแหน่งรองอธิบดีหรือผู้ตรวจราชการกรมที่ดินมีอํานาจหน้าที่สั่งเพิกถอนหรือแก้ไขได้
ก่อนที่จะดําเนินการตามวรรคหนึ่ง ให้อธิบดีหรือ ผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมายตามวรรคหนึ่ง ตั้งคณะกรรมการสอบสวนขึ้นคณะหนึ่ง โดยมีอํานาจเรียกโฉนดที่ดิน หนังสือรับรองการทําประโยชน์เอกสารที่ได้จดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม เอกสารที่ได้จดแจ้งรายการทะเบียนอสังหาริมทรัพย์หรือเอกสารอื่นที่เกี่ยวข้องมาพิจารณา พร้อมทั้งแจ้งให้ผู้มีส่วนได้เสียทราบเพื่อให้โอกาสคัดค้าน ถ้าไม่คัดค้านภายในกําหนดสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งให้ถือว่าไม่มีการคัดค้าน
คณะกรรมการสอบสวนการออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชน์ที่ออกโดยคลาดเคลื่อนหรือไม่ชอบด้วยกฎหมายอย่างน้อยต้องมีเจ้าพนักงานฝ่ายปกครองและตัวแทนคณะผู้บริหารท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นที่ที่ดินนั้นตั้งอยู่เป็นกรรมการ
การสอบสวนตามวรรคสองต้องดําเนินการให้แล้วเสร็จและส่งให้อธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมายตามวรรคหนึ่งภายในกําหนดหกสิบวันนับแต่วันที่ได้มีคําสั่งให้ทําการสอบสวน ในกรณีที่คณะกรรมการสอบสวนไม่สามารถดําเนินการให้แล้วเสร็จ ภายในกําหนดเวลาดังกล่าว ให้คณะกรรมการสอบสวนรายงานเหตุที่ทําให้การสอบสวนไม่แล้วเสร็จต่ออธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมายตามวรรคหนึ่งเพื่อขอขยายระยะเวลาการสอบสวน โดยให้อธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมายตามวรรคหนึ่งสั่งขยายระยะเวลาดําเนินการได้ตามความจําเป็นแต่ไม่เกินหกสิบวัน
ให้อธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมายตามวรรคหนึ่งพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในสิบห้าวันนับแต่ได้รับรายงานการสอบสวนจากคณะกรรมการสอบสวนตามวรรคสี่ เมื่ออธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมายตามวรรคหนึ่งพิจารณาประการใดแล้วก็ให้ดําเนินการไปตามนั้นการพิจารณาของผู้มีอํานาจเพิกถอนแก้ไขการดําเนินการเพิกถอนหรือแก้ไขตามความในมาตรานี้ถ้าไม่ได้โฉนดที่ดิน หรือหนังสือรับรองการออกใบแทนการทําประโยชน์มา ให้ถือว่าโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชน์นั้นสูญหาย และให้เจ้าพนักงานที่ดินออกใบแทนหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินเพื่อดําเนินการต่อไป
ถ้ามีการคลาดเคลื่อนเนื่องจากเขียนหรือพิมพ์ข้อความผิดพลาดโดยมีหลักฐานชัดแจงและผู้มีส่วนได้เสียยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรแล้ว ให้เจ้าพนักงานที่ดินมีอํานาจหน้าที่แก้ไขให้ถูกต้องได้
ในกรณีที่ศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งถึงที่สุดให้เพิกถอนหรือแก้ไขอย่างใดแล้ว ให้เจ้าพนักงานที่ดินดําเนินการตามคําพิพากษาหรือคําสั่งนั้นตามวิธีการที่อธิบดีกําหนด
การตั้งคณะกรรมการสอบสวน การสอบสวนการแจ้งผู้มีส่วนได้เสียเพื่อให้โอกาสคัดค้านและการพิจารณาเพิกถอนหรือแก้ไขให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการ ที่กําหนดในกฎกระทรวง
"หากพิจารณาข้อกำหนดในมาตรา 61 ของประมวลกฎหมายที่ดินดังกล่าว จะเห็นว่าเป็นอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายของกรมที่ดินโดยตรง ที่สามารถเพิกถอนที่ดินได้ทันที หลังจากที่ได้รับผลการชี้มูลจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. เป็นทางการแล้ว คำถามก็คือ ที่ผ่านมา กรมที่ดิน ได้ดำเนินการตามมาตรา 61 แล้วหรือไม่ ถ้ายังไม่ทำเป็นเพราะอะไร กลัวการถูกฟ้องร้องจากเจ้าของที่ดินรายปัจจุบันหรือไม่ " แหล่งข่าวระบุ
เมื่อถามว่า กรมที่ดินระบุว่า กรมป่าไม้ส่งเรื่องให้สำนักงานอัยการสูงสุดยื่นคำร้องต่อศาลแล้ว ทำให้อธิบดีกรมที่ดิน ไม่สามารถใช้อำนาจเพิกถอนโฉนดได้
แหล่งข่าวจากกรมป่าไม้ กล่าวว่า "ไม่เกี่ยวกันเลย เรื่องคดีความทางอาญาก็ส่วนหนึ่ง ใครทำผิดก็ถูกสอบสวนลงโทษกันไป แต่การใช้อำนาจเพิกถอนที่ดินตามกฎหมายของกรมที่ดินก็เป็นอีกส่วนหนึ่ง ที่กรมที่ดินสามารถดำเนินการได้ทันทีตามมาตรา 61 และต้องไปดูกฎหมายของป.ป.ช.ประกอบด้วยว่า ถ้าหน่วยงานใดไม่ปฏิบัติตามมติชี้มูล ป.ป.ช.จะมีผลอย่างไร"
แหล่งข่าวยังกล่าวด้วยว่า การที่สำนักข่าวอิศรา ให้ความสำคัญติตตามข่าวเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ดี ซึ่งกรมป่าไม้ก็ติดตามข่าวอยู่ตลอด และก็รอความชัดเจนว่า เมื่อไรถึงจะมีการเพิกถอนที่ดินที่กระทำผิดกฎหมายเหล่านี้ เพราะมีที่ดินอีกหลายแปลงที่อยู่บริเวณใกล้กัน ที่อยู่ในข่ายถูกตรวจสอบด้วย