Page 288 - ความรู้ทั่วไปเกี่ียวกับบรรจุภัณฑ์
- 288
` 10-66 ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์ เรอ่ื งท ี่ 10.3.4 การอ อกข อ้ กำหนดท ่สี มบูรณด์ า้ นกราฟิกของบ รรจภุ ณั ฑ์ ต้นแบบกราฟิกของบรรจุภัณฑ์ที่คัดเลือกแล้ว จะมีการนำไปสู่การออกข้อกำหนดที่สมบูรณ์ เพื่อใช้ร่วมกับ ข้อกำหนดที่สมบูรณ์ด้านโครงสร้างของบรรจุภัณฑ์สำหรับการสั่งซื้อและควบคุมคุณภาพของบรรจุภัณฑ์ให้ตรงตาม ความต ้องการ
- ขอ้ ก ำหนดดา้ นส ีของเน้ือวสั ดุบรรจุภณั ฑ์ ข้อกำหนดด้านสีของเนื้อวัสดุบรรจุภัณฑ์ส่วนใหญ่เป็นบรรจุภัณฑ์คงรูปจำพวกพลาสติกและแก้ว กำหนด ให้ช ัดเจนว ่าบรรจุภัณฑ์ส ่วนใดท ี่ต้องการให้มีส ี และใช้สีข องบ ริษัทอะไร รหัสข องมาสเตอร์แบช อัตราส่วนในก ารผ สม ลงไปในเม็ดพลาสติก เช่น ตัวขวด : สีข าว รหัสข องมาสเตอร์แบช WI 2% ของบริษัท A ฝาขวด : สีชมพู รหัสของม าสเตอ ร์แ บช PK 4% ของบ ริษัท B
- ข้อก ำหนดด้านง านพิมพบ์ รรจุภ ณั ฑ์ ข้อกำหนดด ้านง านพ ิมพ์บรรจุภ ัณฑ์ ได้แก่ ระบุว ิธีการพิมพ์ ชนิดของวัสดุท ี่พ ิมพ์ และจ ำนวนสีท ี่พ ิมพ์ โดย อ้างอ ิงอ าร์ตเวิร์กท ี่ให้ค ุณภาพง านพ ิมพ์ท ี่อ นุมัติโดยผ ู้รับผ ิดช อบด ้านก ราฟิกบ รรจุภ ัณฑ์ (แผนกก ารต ลาด) ของบ ริษัท ผู้ผลิตสินค้า ตัวอย่างเช่น กลอ่ งยาสีฟัน: พิมพ์ด ้วยร ะบบอ อฟเซตบนกระดาษดูเพลก ซ์ (duplex) 350 กรัมต ่อตารางเมตร พิมพ์ 5 สี โดยมีรายละเอียดของงานพิมพ์ตามอาร์ตเวิร์กท ี่ให้ไว้ มีคุณภาพการพิมพ์มาตรฐานตามที่อนุมัติ และมีลายเซ็นของ ผู้จัดการตลาดก ำกับไว้ ฉลากของขวด: พิมพ์ด้วยระบบเฟล็กโซกราฟฟี บนพลาสติกใสชนิดพอลิโพรพิลีน พิมพ์ 5 สี และปั๊มเงิน โดยมีรายละเอียดของงานพิมพ์ตามอาร์ตเวิร์กท ี่ให้ไว้ มีคุณภาพการพิมพ์มาตรฐานตามที่อนุมัติ และมีลายเซ็นของ ผู้จัดการต ลาดก ำกับไว้ ฉลากฟิล์มหดของขวด: พิมพ์ด้วยระบบกราวัวร์บนฟิล์มหดที่ทำด้วยพลาสติกพีวีซี (PVC) ความหนา 40 ไมครอน พิมพ์ 7 สี โดยมีรายละเอียดของงานพิมพ์ตามอาร์ตเวิร์กที่ให้ไว้ คุณภาพการพิมพ์มาตรฐานตามที่อนุมัติ และม ีล ายเซ็นข องผู้จ ัดการตลาดกำกับไว้
- การควบคมุ ค ณุ ภาพการพ มิ พบ์ นบรรจุภ ัณฑ์ เนื่องจากค ุณภาพก ารพ ิมพท์ ีอ่ ยูบ่ นบ รรจภุ ัณฑเ์ป็นส ่วนส ำคัญข องล ักษณะภ ายนอกข องบ รรจภุ ัณฑท์ ีม่ ผี ลต ่อ การย อมรบั ข องผ บู้ รโิ ภค และต ่อก ฎร ะเบยี บข อ้ บ ังคับข องป ระเทศท จี่ ำหน่ายส นิ คา้ การค วบคมุ ค ุณภาพจ งึ เปน็ ส ิง่ จ ำเป็น ที่ผ ู้ผ ลิต (ผู้พ ิมพ์) บรรจุภ ัณฑ์ต ้องให้ค วามส ำคัญแ ละเข้มง วดในท ุกก ระบวนการข องก ารพ ิมพ์ ในข ณะเดียวกันผ ู้ผ ลิต สินค้าก ็ต ้องม ีร ะบบในก ารต รวจส อบค ุณภาพง านพ ิมพ์ข องบ รรจุภ ัณฑ์ท ี่ส ั่งซ ื้อด ้วยเช่นก ัน แม้ว่าค ุณภาพง านพ ิมพ์จ ะม ี ข้อต กลงให้เป็นไปต ามท ี่อ นุมัติไว้ก ็ตาม แต่ในท างป ฏิบัติ งานพ ิมพ์บ รรจุภ ัณฑ์ท ี่ผ ลิตในป ริมาณม าก ๆ ไม่ส ามารถเป็น ไปตามท ี่อนุมัติได้ท ุก ๆ ชิ้นข องบรรจุภ ัณฑ์ เนื่องจากม ีค วามไม่สม่ำเสมอในด้านวัสดุการพ ิมพ์ หมึกพ ิมพ์ การป รับต ั้ง ลขิ สิทธ์ิของมหาวทิ ยาลัยสโุ ขทยั ธรรมาธิราช `
เฉลย แบบฝกทักษะ รายวชิ าชวี วิทยา 1 มัธยมศึกษาปท่ี 4 1 โดย ครสู ดุ าภรณ สบื บญุ เปยม กลมุ สาระการเรียนรวู ทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
เฉลย แบบฝก ทกั ษะ รายวิชาชวี วิทยา 1 มัธยมศกึ ษาปท ี่ 4 2 เฉลยแบบทดสอบกอ นเรยี น หนว ยการเรียนรทู ่ี 1 ธรรมชาติของส่ิงมชี ีวิต คําชแ้ี จง : ใหน กั เรียนเลือกคําตอบท่ีถูกตองที่สุดเพียงขอเดียว 1. ขอ ใดไมใชเกณฑที่ใชพ จิ ารณาวาสิ่งตางๆ เปน 5. โครงสรา งใดมบี ทบาทในการรกั ษาสมดุลน้ําในพืช ส่ิงมชี วี ิตหรือไม 1. ก่งิ 2. ราก 1. มีหลายเซลล 3. ลาํ ตน 4. ปากใบ 2. มีการสืบพนั ธุ 5. เน้ือเยื่อปลายยอด 3. มีการเจรญิ เติบโต 6. หากนกั เรียนตองการศกึ ษาเกี่ยวกับจุลินทรยี 4. มีการตอบสนองตอสิ่งเรา นกั เรียนจะเลือกศึกษาแขนงวิชาใด 5. มีการปรับตัวทางวิวัฒนาการ 1. cytology 2. ecology 2. สิ่งมชี วี ติ กบั สงิ่ ไมม ีชวี ิตมีความเหมือนกนั อยา งไร 3. evolution 1. มีการสืบพันธุ 4. anatomy 2. มีการใชพ ลงั งานจากแสง 5. microbiology 3. มีกระบวนการเมแทบอลิซมึ 7. ปจจุบันมีการเพ่ิมผลผลติ ทางการเกษตรและ 4. มีการถายทอดพลงั งานระหวางกัน ปรับปรุงพันธุพชื เปน จาํ นวนมาก นักเรียนคดิ วา 5. ประกอบดวยไปอะตอมและโมเลกลุ เปน การใชป ระโยชนท างชีววิทยาสาขาใด 1. genetic 3. พิจารณาตวั เลือกวาขอ ใดตางจากขออ่นื 2. cytology 1. การแตกหนอของไฮดรา 3. bioevolution 2. การสรา งสปอรข องเชอ้ื รา 4. biochemistry 3. มีกระบวนการเมแทบอลซิ มึ 5. biotechnology 4. การงอกขาที่ขาดไปของซาลามานเดอร 8. ขอใดตอไปน้ี ไมตองใชความรทู างดาน 5. การแบง ออกเปนสองสวนของพารามเี ซยี ม พันธุวศิ วกรรม 1. แบคทีเรยี ท่สี รางอนิ ซลู ินได 4. หนว ยพื้นฐานของส่งิ มชี ีวิต มโี ครงสรา งหลักท่ี 2. มะละกอตา นโรคจดุ วงแหวน เหมอื นกัน ไดแ กอ ะไรบาง 3. การผลิตยาปฏชิ ีวนะจากจลุ ินทรีย 1. ออรแ กเนลล เยือ่ หมุ เซลล นิวเคลยี ส 4. จอกแหนทีต่ รงึ ไนโตรเจนในอากาศ 2. ออรแ กเนลล ไซโทพลาซมึ เยอ่ื หมุ เซลล 5. จุลนิ ทรยี ท่สี ามารถกาํ จัดคราบน้ํามันได 3. สวนทีห่ อหุมเซลล นิวเคลียส ไซโทพลาซมึ 4. สวนทหี่ อหมุ เซลล โครโมโซม ไซโทพลาซึม 5. สวนทีห่ อ หมุ เซลล เยื่อหมุ เซลล ไซโทพลาซึม โดย ครูสุดาภรณ สบื บญุ เปย ม กลมุ สาระการเรยี นรวู ิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
เฉลย แบบฝก ทักษะ รายวชิ าชวี วิทยา 1 มัธยมศึกษาปท ี่ 4 3 9. ขอ ใดเรยี งลําดบั ขนั้ ตอนของกระบวนการทาง 10. การทดสอบสมมติฐานท่วี า หนูสามารถตานทาน วทิ ยาศาสตรไดถ กู ตอง ไวรสั ชนดิ หนงึ่ ไดจริงหรอื ไม ผทู ําการทดลองควร 1. การกาํ หนดปญ หา การต้ังสมมติฐาน การ แบงสตั วในการทดลองอยา งไร ทดลอง การสรุปผล 1. แบง ออกเปน 1 กลมุ และฉีดสารละลายท่มี ี 2. การสังเกต การกําหนดปญหา การต้งั สมมตฐิ าน ไวรสั การทดลอง การสรปุ ผล 2. แบงออกเปน 1 กลุม และฉดี สารละลายทไี่ มม ี 3. การต้งั สมมตฐิ าน การตรวจสอบสมมติฐาน การ ไวรสั เกบ็ รวมรวมขอมูลและวิเคราะหขอมลู การ 3. แบง ออกเปน 2 กลมุ โดยกลมุ ท่ี 1 ฉีด สรุปผล สารละลายท่ีมีไวรัสท่ีตอ งการศกึ ษา สวนกลุมที่ 4. การกําหนดปญ หา การต้ังสมมตฐิ าน การ 2 ไมฉ ีดสารละลาย ตรวจสอบสมมติฐาน การเกบ็ รวมรวมขอ มลู 4. แบง ออกเปน 2 กลุม โดยกลมุ ท่ี 1 ฉีด การสรปุ ผล สารละลายทีม่ ีไวรสั ทตี่ อ งการศึกษา สว นกลุมท่ี 5. การกาํ หนดปญหา การตั้งสมมติฐาน การ 2 ฉีดสารละลายทไ่ี มมีไวรัส ตรวจสอบสมมติฐาน การเกบ็ รวมรวมขอมลู 5. แบงออกเปน 2 กลมุ โดยกลุมที่ 1 ฉดี และวิเคราะหข อ มูล การสรุปผล สารละลายทม่ี ไี วรสั ที่ตองการศกึ ษา สว นกลุม ท่ี 2 ฉีดสารละลายที่มีไวรสั อีกชนิดหนึง่ โดย ครสู ดุ าภรณ สบื บญุ เปย ม กลมุ สาระการเรียนรูว ทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
เฉลย แบบฝก ทักษะ รายวชิ าชีววิทยา 1 มัธยมศกึ ษาปท ี่ 4 4 เฉลยใบงาน เรอื่ ง การตอบสนองตอสงิ่ เราของส่งิ มีชีวติ คําชแ้ี จง : ใหน ักเรียนออกแบบและดําเนนิ การทดลองเพื่อศกึ ษาการตอบสนองตอสิ่งเรา ของส่งิ มีชวี ติ วธิ ีดําเนินการ 1. ใหนกั เรยี นแบง กลมุ กลมุ ละ 5-6 คน ออกแบบและดําเนนิ การทดลองเพอ่ื ศึกษาการตอบสนองตอ ส่ิงเราของส่งิ มชี ีวติ 2. กําหนดชนดิ ของสิ่งเรา และเลือกชนดิ ของพชื หรือสัตวท่ีจะศึกษา โดยไมซ ้ํากบั กลุม อื่นๆ 3. กาํ หนดปญหา สมมติฐาน ตวั แปรตน ตวั แปรตาม ตวั แปรควบคุม และออกแบบการทดลอง โดยบันทึกลงในกรอบดา นลาง 4. ปฏิบตั ิการทดลองตามทอี่ อกแบบไว บันทึกผล และนาํ เสนอผลงาน พจิ ารณาจากผลงานของนักเรียน โดยอยูในดลุ ยพินิจของครูผูสอน ตวั อยา งเชน การตอบสนองตอ สิ่งเราของสตั ว ปญหา : ชนิดของอาหารมผี ลตอการเคลื่อนทขี่ องมดเพอื่ เขา หาอาหารหรือไม สมมตฐิ าน : ถาชนิดของอาหารมีผลตอการเคลอื่ นทขี่ องมดเพือ่ เขาหาอาหาร ดงั น้นั ถา ใชน า้ํ ตาลเปนอาหาร มดจะเคล่ือนทีเ่ ขา ไปหาเรว็ กวา อาหารชนิดอนื่ ตัวแปรตน : อาหารชนิดตา งๆ เชน นํา้ ตาล ขา ว เนือ้ สัตว ผลไม ตัวแปรตาม : ระยะเวลาทม่ี ดใชใ นการเคลอ่ื นที่เขาหาอาหาร ตวั แปรควบคมุ : ปริมาณอาหาร ชนดิ และขนาดของมด ระยะทาง ภาชนะท่ใี ส อุณหภมู ิ การออกแบบการทดลอง : 1. นาํ กลอ งพลาสติกใสทรงกลมขนาดใหญ 1 กลอง มาแบงชอ งตามรศั มีของกลอ ง โดย จํานวนชองเทากับชนิดของอาหารท่จี ะศึกษา 2. นาํ อาหารแตละชนิดวางลงในกลองพลาสติกตามชอ งตางๆ 3. นาํ มด 1 ตัว ไปปลอยบริเวณตรงกลางของกลองพลาสตกิ สงั เกตการเคลื่อนที่ของมด และจับเวลาท่ใี ชในการเคลอื่ นที่ โดย ครูสดุ าภรณ สบื บญุ เปยม กลมุ สาระการเรยี นรูวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
เฉลย แบบฝก ทักษะ รายวิชาชวี วิทยา 1 มธั ยมศึกษาปท่ี 4 5 เฉลยแบบฝกทักษะ เรอื่ ง ธรรมชาติของส่ิงมีชีวิต คาํ ชี้แจง : ใหน ักเรียนตอบคาํ ถามเกี่ยวกบั ธรรมชาติของสิ่งมีชีวติ 1. ปจจยั ใดบา งท่ีทําใหส่งิ มชี วี ติ ในธรรมชาติมีลักษณะแตกตา งกันออกไป ตอบ= ปจ จัยที่ทําใหส่ิงมีชีวติ ในธรรมชาตมิ ลี ักษณะแตกตา งกัน ไดแ ก ยีน ซง่ึ เปน ตัวกําหนดลักษณะตางๆ ของสงิ่ มชี ีวติ และอกี ปจจัยหนึง่ คือ สง่ิ แวดลอม ซึง่ ทาํ ใหสิง่ มชี วี ติ มีการปรับตวั และดํารงชีวิตอยไู ด 2. การงอกใหม (regeneration) ของหางจิ้งจกจัดวา เปน การสืบพนั ธแุ บบไมอ าศยั เพศ หรอื ไม เพราะเหตุใด ตอบ= การงอกใหม (regeneration) ของหางจิ้งจก ไมใชการสบื พันธุแ บบไมอ าศัยเพศ เพราะไมทําใหเกิด สิง่ มชี วี ติ ตัวใหม แตเปนเพยี งการงอกใหมเ พื่อซอมแซมสว นที่ขาดหายไปของรางกายเทานนั้ 3. การสบื พันธแุ บบไมอ าศัยเพศมีขอดหี รอื ขอ เสียอยางไร ตอบ= ขอ ดี คอื จะไดสงิ่ มชี วี ิตตวั ใหมท ี่เหมือนตัวแมท กุ ประการ สามารถเพ่มิ ปรมิ าณสิง่ มชี ีวิตไดใ นปรมิ าณ ท่มี ากและรวดเรว็ สว นขอเสีย คอื ไมก อ ใหเกิดววิ ัฒนาการของส่งิ มีชวี ิต 4. พลงั งานและสารอาหารทสี่ ง่ิ มีชวี ติ นาํ มาใชในการดํารงชีวติ นั้นมแี หลงกําหนดมาจากแหลง ใด และมกี าร ถา ยทอดพลงั งานอยางไร ตอบ= พลังงานในระบบนิเวศมแี หลง กําหนดมาจากดวงอาทิตย โดยส่งิ มชี วี ิตที่เปน ผูผลิตจะสามารถเปลยี่ น พลงั งานแสงใหเ ปน พลงั งานเคมสี ะสมไวใ นรปู ของเนื้อเยื่อ ซง่ึ ส่งิ มีชวี ิตอื่นๆ จะไดร ับการถายทอด พลังงานนั้นโดยการกินตอกนั เปน ทอดๆ ในรูปของโซอาหารและสายใยอาหาร 5. การเจรญิ เติบโตของสงิ่ มีชวี ิตเกิดข้ึนอยางไร ตอบ= การเจรญิ เตบิ โตของสิ่งมชี วี ิต คอื การทีเซลลขยายขนาด เพิม่ จํานวน มีการเปล่ยี นแปลงไปทาํ หนาที่ เฉพาะอยา ง หรอื รวมกลุมกนั เปน เน้ือเยอ่ื ทจ่ี ะพัฒนาตอไปเปน อวยั วะตางๆ ซงึ่ สิง่ มีชีวิตทกุ ชนิดจะมี การเจริญเตบิ โตที่แตกตางกนั 6. ส่ิงเรา มีผลตอ การดาํ รงชีวติ ของสิง่ มีชวี ติ อยางไร จงอธบิ ายพรอ มยกตัวอยาง ตอบ= สง่ิ เรา เปนปจจัยที่ทาํ ใหส งิ่ มีชีวติ แสดงพฤตกิ รรมออกมา ใหเหมาะสมตอสิง่ แวดลอมหรอื สถานการณข ณะนนั้ ท้งั น้ี เพ่อื ทาํ ใหสิ่งมีชวี ิตสามารถดาํ รงชวี ติ อยไู ดต ามปกติ เชน หากในรา งกายมี ปริมาณนํา้ นอย สิ่งมชี ีวติ จะแสดงพฤตกิ รรมกระหายน้าํ และหานํ้าดม่ื เพื่อเพิม่ ปรมิ าณน้ําในรา งกาย 7. พจิ ารณาขอความท่ีกาํ หนดใหวา เปนสิง่ เรา ภายนอกหรือภายในของส่ิงมีชวี ติ ฮอรโมน ความหวิ แสงแดด เสียงแตรรถ ปรมิ าณน้ําในรา งกาย ปริมาณแกสคารบ อนมอนอกไซด ระดับน้ําตาลในเลือด สงิ่ เรา ภายนอก ไดแก แสงแดด เสียงแตรรถ และปรมิ าณแกสคารบ อนมอนอกไซด สิง่ เรา ภายใน ไดแ ก ฮอรโ มน ความหวิ ปรมิ าณน้ําในรางกาย และระดบั น้ําตาลในเลอื ด โดย ครูสดุ าภรณ สบื บุญเปย ม กลมุ สาระการเรียนรูวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
เฉลย แบบฝกทกั ษะ รายวิชาชีววิทยา 1 มัธยมศึกษาปท ี่ 4 6 8. สง่ิ เรามผี ลตอการดาํ รงชีวติ ตอส่งิ มีชีวติ อยา งไร ประกอบดวยโครงสรางหลกั ไดแกอะไรบา ง ตอบ= โพรโทซัวนํา้ จืด อาศัยอยใู นนา้ํ ทมี่ คี วามเขม ขนของสารตา งๆ นอ ยกวาภายในเซลล ทําใหนํา้ ภายนอก เซลลออสโมซสิ เขาสูเซลลของโพรโทซวั ตลอดเวลา ซงึ่ หากไมมีการขบั น้ําออก เซลลของโพรโทซวั จะ เตงและแตกได ดังนน้ั โพรโทซวั จงึ ใชโครงสรา ง คอนแทร็กไทดแวควิ โอล (contractile vacuole) เปน ตวั กาํ จัดน้าํ สว นเกนิ ออกนอกเซลล เพื่อรกั ษาสมดุลนาํ้ ภายในเซลล ใหเหมาะสมตอ การ ดํารงชวี ิต 9. หนวยพืน้ ฐานของสง่ิ มีชีวิตคืออะไร ประกอบดว ยโครงสรางหลกั ไดแ กอะไรบาง ตอบ= หนวยพน้ื ฐานของสง่ิ มชี วี ติ คือ เซลล ซึ่งประกอบดวยโครงสรา งหลกั ไดแ ก สวนหมุ เซลล ไซโทพลาซึม และนิวเคลียส 10. ส่งิ มชี วี ิตหลายเซลลม ีการจัดระบบรางกายอยา งไร ตอบ= รา งกายของสง่ิ มีชวี ติ หลายเซลลประกอบดวยเซลลจาํ นวนมาก ซงึ่ เซลลจ ะรวมตัวกนั เปนเนือ้ เย่อื เพอื่ ทําหนา ที่เฉพาะ เนอื้ เย่ือหลายชนดิ กจ็ ะประกอบกนั เปนอวยั วะ ซ่ึงอวัยวะหลายๆ อวัยวะจะทาํ หนาท่ีประสานสัมพนั ธกันเปนระบบอวยั วะ และทกุ ๆ ระบบอวยั วะประกอบกันเปนรา งกายของ สง่ิ มชี วี ิต ซง่ึ ทําใหร างกายของส่งิ มีชีวติ สามารถดํารงชวี ิตอยไู ด โดย ครสู ุดาภรณ สบื บุญเปยม กลมุ สาระการเรยี นรูวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
เฉลย แบบฝกทักษะ รายวิชาชีววิทยา 1 มัธยมศกึ ษาปท ี่ 4 7 เฉลยใบงาน เรือ่ ง ชีวจริยธรรม คาํ ชี้แจง : ใหนกั เรยี นสืบคน ขอ มลู เก่ยี วกับการใชค วามรูทางชีววิทยาโดยคํานึงถึงชีวจริยธรรม วธิ ีดาํ เนนิ การ ใหนกั เรยี นจบั คูกนั สืบคนขอมูลเกีย่ วกับการใชความรูทางชีววทิ ยาโดยคํานงึ ถึงชวี จรยิ ธรรม แลว สรปุ ความรลู งในกรอบดานลาง ชวี จริยธรรม (bioethics) หมายถงึ การปฏบิ ตั ิตอส่งิ มีชีวติ อยางมีคณุ ธรรม ไมทาํ รา ย หรอื ทาํ อนั ตรายตอ สตั วห รอื มนษุ ยเ พือ่ การศกึ ษาหรอื การวจิ ัยเชน • จรรยาบรรณในการใชส ัตวท ดลอง สํานักงานคณะกรรมการการวจิ ัยแหงชาติ ไดกําหนดจรรยาบรรณการใชสัตวเพอ่ื งานวจิ ัย งานสอน งานทดสอบ และงานผลิตชวี วตั ถไุ ว ดังน้ี 1. ผใู ชสัตวตองตระหนักถงึ คุณคาของชีวติ สัตว 2. ผูใชสัตวต อ งตระหนักถงึ ความแมน ยําของผลงานโดยใชส ตั วจํานวนนอ ยที่สุด 3. การใชสัตวป า ตอ งไมขัดตอกฎหมายและนโยบายการอนุรกั ษปา 4. ผใู ชสัตวต อ งตระหนกั วาสตั วเ ปนสิ่งมีชีวิตเชน เดยี วกับมนุษย 5. ผูใชสัตวต องบันทึกการปฏิบัติตอ สัตวไวเ ปนหลักฐานอยางครบถวน • การใชเ ทคโนโลยชี วี ภาพ เทคโนโลยชี ีวภาพ หมายถงึ การนําส่งิ มชี ีวติ หรือช้ินสว นของสิ่งมีชวี ิตมาทาํ ใหเ กิดการ เปลี่ยนแปลงท่ีเปนประโยชนม ากข้นึ โดยใชเ ทคโนโลยี แตหากนําไปใชในทางลบ เชน นาํ เอาสิง่ มชี วี ติ ทีเ่ ปนอนั ตรายตอพชื สัตว โดยเฉพาะมนษุ ยมาใชเ ปน อาวธุ ทําลายลางกนั ทีเ่ รียกวา อาวุธชีวภาพ กจ็ ะขดั ตอ หลักชีวจริยธรรม • การใชค วามรูดานการเกษตร การใชสารเรง การเจรญิ เตบิ โตในพชื หรือในสตั วอาจกอใหเกดิ สารตกคางซ่งึ มีผลเสีย ตอผูบ รโิ ภค การใชสารฟอรมาลนิ แชผ กั ปลา หรือเนอื้ การใชสารบอแรกซ ใสในลูกช้ิน ลว นเปนการกระทําทีข่ ดั ตอ หลักชีวจริยธรรม โดย ครูสดุ าภรณ สบื บุญเปย ม กลมุ สาระการเรียนรูวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
เฉลย แบบฝก ทักษะ รายวิชาชวี วิทยา 1 มธั ยมศึกษาปที่ 4 8 เฉลยแบบฝก ทกั ษะ เร่อื ง ชวี วทิ ยา คืออะไร คําชี้แจง 1. ใหนักเรียนนาํ ตัวอักษรหนา ขอ ความทางดานขวามาเติมหนาขอท่มี ีความสมั พันธก ัน …M….. 1. Microbiology A. ความสัมพนั ธระหวางสิ่งมชี ีวิตกับสิ่งแวดลอ ม …A….. 2. Ecology B. กลไกการทํางานในรางกาย …L….. 3. Malacology C. ชนดิ โครงสรา งรา งกาย และการดํารงชวี ิตของนก …J….. 4. Ichthyology D. การประยุกตใชค วามรูท างชวี วิทยากับสง่ิ มชี วี ิต …I….. 5. Entomology E. ลกั ษณะโครงสรา งของเซลล …K….. 6. Taxonomy F. การเจรญิ และพัฒนาของตัวออ น …O….. 7. Evolution G. โครงสรา งภายในรา งกาย …D….. 8. Biotechnology H. ชนิด โครงสรา งรา งกาย และการดาํ รงชวี ติ ของสัตว …N….. 9. Ethology I. ชนิด โครงสรา งรา งกาย และการดาํ รงชวี ติ ของแมลง …F….. 10.embryology J. ชนิด โครงสรา งรางกาย และการดาํ รงชวี ติ ของปลา …E….. 11. Cytology K. การจัดหมวดหมูของส่งิ มชี ีวติ …B….. 12. physiology L. ชนิด โครงสรางรา งกาย และการดํารงชวี ติ ของหอย …G….. 13. Anatomy M. จลุ ินทรยี ห รือสิง่ มชี วี ติ ท่ีไมส ามารถมองเหน็ ไดดวยตาเปลา …Q….. 14. Genetics N. พฤติกรรมของสิ่งมชี วี ิต …H….. 15. Zoology O. ววิ ัฒนาการของส่งิ มีชีวติ …C….. 16. ornithology P. ปรสิต …P….. 17. Parasitology Q. ลักษณะทางพนั ธกุ รรม และการถา ยทอดลักษณะทางพันธุกรรม …S….. 18. Morphology R. ชนดิ โครงสราง และการดาํ รงชวี ติ ของพืช …R….. 19. botany S. โครงสรา งภายนอกของสง่ิ มชี วี ติ …T….. 20.phycology T. ชนิด โครงสรา ง และการดํารงชีวติ ของสาหราย 2. การผลติ พืชท่ีมคี วามทนทานตอ ความแหง แลงเกย่ี วของกับแขนงวิชายอ ยทางชวี วิทยาแขนงใด มาก ทีส่ ุด เพราะเหตใุ ด ตอบ = เกยี่ วของกบั เทคโนโลยชี ีวภาพ (biotechnology) เพราะการผลิตพชื ใหไ ดลักษณะตามที่ตองการนี้ จะตองนาํ ความรดู า นตางๆ ทางวทิ ยาศาสตรมาประยุกตใชกับส่ิงมีชีวติ และอาศยั ความรดู า น พนั ธุวิศวกรรมดวย โดย ครูสุดาภรณ สบื บุญเปย ม กลมุ สาระการเรียนรูวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
เฉลย แบบฝกทกั ษะ รายวชิ าชีววิทยา 1 มธั ยมศกึ ษาปท ี่ 4 9 เฉลยเแบบฝกทกั ษะ เร่อื ง ชีววิทยากบั การดํารงชีวิต คําช้ีแจง ใหนกั เรยี นตอบคําถามเกี่ยวกบั การประยกุ ตใชความรูดานชีววทิ ยา อานขอความท่ีกําหนดให แลวตอบคาํ ถาม “อเล็กซานเดอร เฟลมงิ เปนนกั ชวี วิทยาและนกั เภสชั วทิ ยา ชาวสกอตแลนด เกดิ เมอื่ วนั ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2424 ในกรงุ ดารเวล ประเทศสกอตแลนด และเสียชวี ติ ในวนั ที่ 11 มีนาคม พ.ศ.2498 ท่ี กรงุ ลอนดอนประเทศอังกฤษ เปน ผคู นพบเช้อื ราชนิดหนงึ่ โดยบังเอิญ ซึ่งเช้ือราน้มี ีชื่อวา เพนซิ ลิ เลยี ม (penicillium) และยงั คนพบวา สารทเี่ ช้อื รานส้ี รางขึน้ สามารถยบั ยัง้ การเจริญของแบคทเี รียได ซง่ึ ตอ มา สารดงั กลา วน้ันถูกนํามาผลิต เปนยาปฏชิ ีวนะชนิดหนง่ึ ท่ชี อื่ วา เพนิซิลลนิ (penicillin) ท่ีใชรกั ษาโรคบาง ชนิดในปจ จุบัน” 1. นกั เรยี นคดิ วาการคน พบของอเล็กซานเดอร เฟลมงิ เปน ประโยชนตอการดาํ รงชวี ิตของมนุษย อยางไร ตอบ= การคน พบของอเล็กซานเดอร เฟลมงิ เปนประโยชนอ ยา งมากในดา นการแพทยแ ละสาธารณสขุ โดย การคนพบดังกลา วสามารถนาํ มาพฒั นายาเพอื่ ยบั ยั้งโรคทีเ่ กดิ จากแบคทีเรียได ซ่ึงปจ จุบันยังคงมีการใช ยาเพนซิ ลิ นิ รกั ษาโรคบางชนิด นอกจากน้ี ยงั ถือไดว าการคนพบนเ้ี ปน จดุ เริม่ ตนทีจ่ ะพฒั นายาชนิด ใหมๆ เพ่อื ใชร กั ษาโรคอ่ืนๆ ตอ ไป 2. ความรทู างดานชวี วิทยามปี ระโยชนต อการดํารงชวี ิตของมนษุ ย ในดานการเกษตร การแพทย และ สาธารณสุข และอุตสาหกรรมอยา งไร ตอบ= ความรูทางดานชวี วิทยาสามารถนาํ มาใชป ระโยชนใ นหลายๆ ดา น ตวั อยางเชน - ดานการเกษตร โดยการใชเทคนิคเพาะเล้ียงเนื้อเยือ่ เพ่ือการขยายพันธแุ ละปรับปรงุ พนั ธุพชื เศรษฐกิจ หรอื พชื ท่ีใกลสูญพนั ธุ - ดานการแพทยแ ละสาธารณสุข ใชค วามรูทางดานวิศวกรรมในการตดั ตอยนี ของส่งิ มีชวี ติ เพ่ือให สามารถสรา งสารบางชนิดได เชน ใชแบคทีเรียที่ผลติ ฮอรโมนอนิ ซลู ินเพอื่ รักษาโรคเบาหวาน - ดา นอตุ สาหกรรม สามารถนําความรทู างดานจุลชีววทิ ยาซ่งึ เปนแขนงวิชาหน่ึงในชีววทิ ยา มาใชใ น โรงงานอุตสาหกรรมตางๆ เชน ในกระบวนการหมักแปง ของยสี ตใ นการผลิตขนมปง ใชย ีสตหมัก ผลติ เครอ่ื งดม่ื ท่มี ีแอลกอฮอล (พิจารณาจากคําตอบของนกั เรียนโดยขึ้นอยูกับดลุ ยพนิ ิจของครผู ูสอน) โดย ครสู ุดาภรณ สบื บุญเปย ม กลมุ สาระการเรยี นรวู ิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
เฉลย แบบฝกทักษะ รายวิชาชวี วิทยา 1 มัธยมศกึ ษาปที่ 4 10 เฉลยใบงาน เร่อื ง วธิ ีการทางวทิ ยาศาสตร คําช้แี จง : ใหนกั เรียนใชว ิธีการทางวทิ ยาศาสตรเพอื่ ศึกษาส่ิงทสี่ นใจ วิธีดําเนินการ ใหน ักเรยี นแบง กลุม กลมุ ละ 5-6 คน ออกแบบและดาํ เนนิ การทดลองโดยใชวิธกี ารทางวทิ ยาศาสตรเพ่ือ ศึกษาสงิ่ ที่นักเรียนสนใจ บันทึกลงในใบงาน และนาํ เสนอผลการทดลองหนา ชั้นเรียน ปญหา : อณุ หภมู มิ ีผลตอการสลายนํ้าตาลของยสี ตในน้ําสบั ปะรดหรอื ไม สมมติฐาน : ถาอุณหภมู มิ ผี ลตอการสลายนาํ้ ตาลของยีสตในนํ้าสับปะรด ดงั นน้ั อณุ หภมู ทิ ่ีแตกตางกัน ยอ มมผี ลตอ อตั ราการเกิดแกส CO2 ทไ่ี ดจากการสลายน้ําตาลของยีสต ตวั แปรในการทดลอง : ตัวแปรตน : อุณหภูมิทแ่ี ตกตางกัน ตวั แปรตาม : อตั ราการเกิดแกส CO2 ตวั แปรควบคุม : ขนาดขวดรูปชมพู ปรมิ าณน้าํ สับปะรด ปริมาณยีสต วิธีการทดลอง : 1. คัน้ นาํ้ สับปะรดประมาณ 100 cm3 2. ตวงนํา้ สบั ปะรดใสขวดรปู ชมพู 3 ใบ ใบละ 10 cm3 3. ชง่ั ยีสตใ สลงในขวดรปู ชมพูในขอ 2. ขวดละ 2.5 g 4. นาํ จุกยางท่มี หี ลอดนําแกสเสียบอยูไปปดขวดรูปชมพูทงั้ 3 ใบ แลว นําไปไวใ นสภาวะตางกนั ดงั นี้ ชุดที่ 1 แชในบีกเกอรท ป่ี รับอณุ หภูมิเปน 0 oC ชดุ ที่ 2 แชใ นบีกเกอรทป่ี รบั อณุ หภูมิเปน 25 oC ชดุ ท่ี 3 แชในบกี เกอรทปี่ รบั อณุ หภมู ิเปน 40 oC 5. ตั้งชุดการทดลองไวประมาณ 10 นาที สงั เกตปริมาณแกส ทเี่ กดิ ข้ึน 6. ทําการทดลองซํา้ อกี 2 ครัง้ แลวนําผลการทดลองมาหาคาเฉลย่ี ตารางบนั ทกึ ผลการทดลอง : ปริมาณแกส CO2 ท่เี กิดข้นึ (cm3) อณุ หภูมิ (oC) คร้งั ท่ี 2 คร้งั ที่ 3 คา เฉลย่ี 0.33 ครัง้ ท่ี 1 1.33 0 0.3 ทรัพยแาบกบรฝธรกรทมัก021ชษ...534าะตทิแ่ี ล4ะ.1สิ่งแวดลอ02ม1..31 2.20 25 40 เร21ื่อ..52ง คําชแี้ จง ใหน กั เรยี นตอบคาํ ถามเก่ียวกบั ทรพั ยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดลอมตอ ไปน้ี 1. ทรัพยากรธรรมชาตคิ อื อะไร แบง ออกเปนกป่ี ระเภท อะไรบาง ตอบ = ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… โดย ครูสดุ าภรณ สบื บุญเปย ม กลมุ สาระการเรยี นรวู ทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
เฉลย แบบฝกทกั ษะ รายวชิ าชีววิทยา 1 มธั ยมศึกษาปที่ 4 11 เฉลยแบบฝก ทักษะ เร่ือง การศกึ ษาชวี วทิ ยา คาํ ชีแ้ จง ใหน กั เรียนตอบคาํ ถามเกีย่ วกบั การศึกษาชีววิทยาตอ ไปนใี้ หถ กู ตอ ง 1. จงออกแบบการทดลองโดยอาศัยวิธีการทางวิทยาศาสตร เพือ่ ทดสอบวา การสังเคราะหดวยแสงของพชื จําเปนตองใชแ กสคารบอนไดออกไซดหรอื ไม ตอบ = กําหนดปญหา แกส คารบ อนไดออกไซดจําเปน ตอกระบวนการสังเคราะหด ว ยแสงหรือไม ตง้ั สมมตฐิ าน แกสคารบ อนไดออกไซดจ าํ เปนตอการสงั เคราะหดว ยแสงของพชื ดงั นนั้ ถา ไมม ีแกส คารบ อนไดออกไซด พืชจะไมส ามารถสังเคราะหดวยแสงได ตรวจสอบสมมติฐาน นาํ พืชทีใ่ ชในการทดลองไปเก็บไวใ นทม่ี ืดเปน เวลา 1-2 วนั เพือ่ ใหพืชใชอ าหารทส่ี ะสมในใบจนหมด จากน้ันแบงพชื ออกเปน 2 ชดุ ชุดการทดลองในระบบปด ดงั น้ี 1. ชุดควบคมุ เปน ชุดท่มี ีแกสคารบอนไดออกไซด 2. ชุดทดลอง เปนชุดทใี่ สสารเพอื่ ดดู ซบั แกสคารบอนไดออกไซด จากนั้นนาํ พชื ไปวางกลางแสงแดด 5-6 ชั่วโมง เพือ่ ใหพ ืชเกิดการสังเคราะหดวยแสง แลวนาํ ไป ตรวจหาแปง ในใบพืช เกบ็ รวบรวมขอ มูลและวิเคราะหข อมูล จากการทดลอง พบวา ชดุ ทใ่ี สส ารเพื่อดูดซับ CO2 ไมม กี ารสรางแปง ในใบพชื สว นชดุ ควบคมุ พบวา มกี ารสรางแปง ในใบพชื เน่ืองจากแกส คารบอนไดออกไซดเ ปน วตั ถดุ ิบหน่ึงท่ใี ชใ นการสังเคราะหดวยแสง สรุปผลการทดลอง CO2 จาํ เปนตอ การสังเคราะหดว ยแสงของพืช 2. จากการทดลองในขอท่ี 1 ตัวแปรตน ตวั แปรตาม และตัวแปรควบคุม คอื อะไร ตอบ = ตวั แปรตน คือ CO2 ตัวแปรตาม คอื แปงในพชื ตัวแปรควบคมุ คือ ชนิดและขนาดของพืช ดินที่ใชปลูก ปริมาณแสงท่พี ืชไดร ับ เปนตน 3. ทฤษฎีและกฎในความหมายทางวิทยาศาสตร มีความแตกตา งกนั อยา งไร ตอบ = ทฤษฏี คอื สมมติฐานท่ีมกี ารตรวจสอบจนสามารถอธบิ ายขอเทจ็ จริงท่ีคลายกนั ได และอาจมีการ เปลย่ี นแปลงได หากไดรบั ขอ มูลใหมๆ เพม่ิ ขึ้น สวน กฎ คอื ความจริงพืน้ ฐานทส่ี ามารถตรวจสอบและไดผ ล เหมอื นเดมิ ทกุ ครง้ั โดยไมม ีขอโตแ ยง โดย ครูสดุ าภรณ สบื บุญเปยม กลมุ สาระการเรยี นรูวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
เฉลย แบบฝก ทกั ษะ รายวิชาชวี วิทยา 1 มธั ยมศึกษาปที่ 4 12 พจิ ารณาภาพแลว ตอ งคาํ ถามขอ ท่ี 4-5 การทดลองเก่ียวกบั การสังเคราะหด วยแสง 4. จากการทดลองดังภาพ ตวั แปรตน และตวั แปรตาม คืออะไร ตอบ = ตัวแปรตน คือ แสง ตวั แปรตาม คอื ฟอแกส 5. จากขอ มูลดังกลา วนกั เรียนคิดวา ฟองแกสที่เกิดขน้ึ คอื แกสชนิดใด เพราะเหตุใดจึงคิดเชน นน้ั ตอบ = O2 เนอื่ งจากมคี ณุ สมบัตใิ หไ ฟติด และจากความรเู รอ่ื งกระบวนการสงั เคราะหด วยแสงของพืช จะได แกส ออกซิเจนเปน ผลิตภณั ฑด วย โดย ครูสดุ าภรณ สบื บญุ เปย ม กลมุ สาระการเรยี นรวู ิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
เฉลย แบบฝก ทักษะ รายวิชาชวี วิทยา 1 มธั ยมศึกษาปท ่ี 4 13 เฉลย แบบทดสอบหลังเรียน หนว ยการเรียนรูท่ี 1 ธรรมชาตขิ องสิ่งมีชีวิต คาํ ช้ีแจง : ใหน ักเรยี นเลือกคําตอบที่ถูกตองท่ีสุดเพียงขอเดียว1 1. หากจาํ แนกส่งิ มชี ีวิตโดยใชการสรางอาหารเปน 5. ขอใดตอ ไปน้ีกลาวไมถ กู ตอ งเก่ยี วกับ เกณฑ สงิ่ มชี วี ติ ในขอ ใดตอ ไปนต้ี างจากพวก การตอบสนองตอสง่ิ เรา 1. รา ยสี ต 1. การหาอาหารถอื เปน การตอบสนองอยา งหน่ึง 2. เหด็ จุลนิ ทรีย 2. การตอบสนองเกิดขน้ึ เพียงครัง้ ละหนงึ่ รปู แบบ 3. ไฮดรา ฟองนาํ้ 3. การตอบสนองอาจเกิดขึน้ หลายรูปแบบใน 4. อะมีบา พารามีเซียม เวลาเดยี วกนั 5. สาหรา ยสแี ดง สาหรา ยสเี ขียว 4. การตอบสนองเกิดข้ึนเพือ่ การปรบั ตวั ให 2. ลักษณะใดไมนาจะมีสวนชวยใหส ่งิ มีชวี ติ สามารถ เหมาะสมตอ ผลู า ดาํ รงชีวติ และแพรพ ันธไุ ด 5. การตอบสนองเกิดข้นึ เพอื่ การปรับตวั ให 1. ประสิทธภิ าพในการสืบพนั ธุ เหมาะสมตอสภาพแวดลอม 2. ความสามารถในการหาอาหาร 6. ขอใดตอ ไปนกี้ ลา วไมถ กู ตอ งเกยี่ วกบั การรักษา 3. ความสามารถในการปองกันแหลง ท่อี ยู ดุลยภาพในรางกายของสงิ่ มชี ีวิต 4. ความสามารถในการคงลักษณะของสปชสี 1. พืชรักษาดลุ ยภาพน้าํ โดยคายน้ําทางปากใบ 5. ความสามารถในการปรบั ตวั ใหเ ขา กับ 2. พลานาเรียมเี ฟรมเซลลท าํ หนา ท่กี ําจดั ของเสีย สภาพแวดลอ ม 3. ปลานํา้ จดื ปส สาวะขนเพือ่ รักษาดุลยภาพนาํ้ 3. ขอ ใดตอ ไปนไ้ี มใชป ระโยชนข องการสบื พนั ธแุ บบ 4. พารามเี ซียมใชค อนแทร็กไทลแวควิ โอล อาศัยเพศ ในการรกั ษาดลุ ยภาพนํา้ ภายในเซลล 1. ทาํ ใหเกิดวิวัฒนาการ 5. ไฮดรากาํ จัดของเสยี โดยทขี่ องเสียสามารถ 2. ทําใหสง่ิ มชี วี ติ มรการพัฒนาสายพนั ธุ แพรผ า นเย่อื หุม เซลลอ อกสสู ่ิงแวดลอ มได 3. ทําใหเ กิดความหลายหลายทางชีวภาพ โดยตรง 4. ทาํ ใหส ิ่งมีชวี ติ ไมแ ปรผนั ทางพนั ธกุ รรม 7. สมมติฐานที่ดคี วรมลี ักษณะอยา งไร 5. ทําใหสิ่งมีชีวิตปรับตัวเขา กับสิ่งแวดลอ มได 1. สามารถตรวจสอบไดดว ยการทดลอง ดีกวา รุนพอแม 2. เขา ใจไดงา ย ไมม คี วามชัดเจนมาก และมี 4. การท่สี งิ่ มีชวี ติ มคี วามหลากหลายทางชีวภาพมี เพียงขอเดยี ว ประโยชนตอส่ิงมีชวี ิตในดานใด 3. เขาใจไดงา ย ไมม คี วามชดั เจนมาก และมี 1. ลดการแกงแยงทอี่ ยอู าศยั หลายๆ ขอ เปรียบเทยี บกนั 2. ชวยใหสิง่ มีชีวิตมีอายุยืนขนึ้ 4. อธบิ ายปญหาไดชดั เจน และนําไปสูการ 3. ชวยใหส ิ่งมีชีวติ มีขนาดใหญข ึน้ ตรวจสอบไดห ลายวธิ ี โดยไมจาํ เปนตอง 4. ชวยใหส่งิ มีชีวติ มลี ักษณะเดน ขึน้ ตรวจสอบดว ยการทดลอง 5. ชว ยใหส ่ิงมชี ีวิตมีความแข็งแรงข้นึ 5. ไมจาํ เปน ตองมขี อบเขตท่ีชัดเจน ซ่งึ สามารถ ตงั้ สมมตฐิ านไดอยา งกวา งๆ โดยไมต อง ครอบคลมุ ขอมูลตางๆ โดย ครสู ุดาภรณ สบื บญุ เปย ม กลมุ สาระการเรียนรูวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
เฉลย แบบฝกทกั ษะ รายวิชาชวี วิทยา 1 มัธยมศกึ ษาปท่ี 4 14 8. ขอ เทจ็ จรงิ ทนี่ ํามากาํ หนดปญ หาในกระบวนการ 10. ขอ ใดตอไปนีผ้ ิดหลกั ชีวจรยิ ธรรมในการใช ทางวิทยาศาสตรน ้นั ไดม าโดยอาศยั ทกั ษะใด สัตวทดลอง 1. การสังเกต 1. กอยฉดี ฮอรโ มนกระตนุ การตกไขใหป ลาที่ 2. การวิเคราะห เลี้ยงไวเ พอ่ื ขาย 3. การลงขอสรุป 2. กาญปลูกภูมคิ มุ กันในหนเู พอ่ื สกัดแอนตบิ อดี 4. การตง้ั สมมติฐาน ไปชว ยเหลอื มนุษย 5. การแสดงความคดิ เห็น 3. เมยท ดลองเกย่ี วกบั สารปฏิชวี นะ โดยใชหนูใน การทดลองในจํานวนที่นอ ยที่สุด 9. กลมุ ควบคุมในการทดลองวิทยาศาสตร จะเปน 4. เหมียวตดั เสนประสาทเพือ่ ระงับความรูสกึ ประโยชนตอผทู ดลองในดานใด ของกบกอนการผากบเพื่อศึกษาระบบตางๆ 1. ชวยในการต้งั สมมติฐาน 5. ใหมท ดลองใชผ ลิตภณั ฑลดรอยคลํ้ารอบ 2. ชว ยยนื ยนั ผลการทดลอง ดวงตาท่ีคดิ คน ขึ้นเองกบั กระตา ย จนกระตาย 3. ชว ยควบคมุ ตัวแปรตางๆ ตาบอด 4. ปองกันความผิดพลาดในการทดลอง 5. ชวยอา งองิ ในการสรุปผลการทดลอง โดย ครสู ุดาภรณ สบื บญุ เปยม กลมุ สาระการเรียนรวู ิทยาศาสตรและเทคโนโลยี