ประว ต และความเป นมาของบร ษ ท ไอศคร ม

สป.แนะจับตาสหรัฐฯบีบไทยเดินหน้าเอฟทีเอ

เผยแพร่: 28 ก.ย. 2549 16:12 โดย: สำนักข่าวประชาธรรม

“วิฑูรย์”เผยกลเม็ดสหรัฐอ้างประชาธิปไตยบังหน้าบีบไทยเดินหน้าเจรจาเอฟทีเอ แนะปชช.ดูบทเรียนรัฐบาลรสช.เปลี่ยนกฎหมายสิทธิบัตรแลกการสนับสนุน-ยอมรับ ย้ำเหตุผลการรัฐประหารเพื่อขับพิษทักษิณไม่ใช่เดินตามรอยความผิดพลาด

นายวิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ สมาชิกสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สป.) เผยว่า นับตั้งแต่คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข(คปค.) ยึดอำนาจรัฐบาลรักษาการพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ประเทศตะวันตกโดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาก็คัดค้านการรัฐประหาร เรียกร้องให้มีการคืนอำนาจให้กับประชาชนและจัดให้มีการเลือกตั้งโดยเร็ว ที่สำคัญโฆษกรัฐบาลของสหรัฐฯยังกล่าวอย่างมีนัยว่าการเจรจาเอฟทีเอไทย-สหรัฐฯจะเกิดขึ้นต่อไป เมื่อคปค.คืนอำนาจให้กับประชาชน และจัดให้มีการเลือกตั้ง รวมถึงระบุถึงความช่วยเหลือต่อประเทศไทย 45 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 600 ล้านบาท และระงับความร่วมมือในการฝึกทหาร แต่ถ้าพิจารณาอย่างละเอียดหากไม่นับเรื่องการข้อเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งโดยเร็ว นอกเหนือจากนั้นก็คือข้อเรียกร้องที่เป็นผลประโยชน์ของสหรัฐฯแทบทั้งสิ้น

นายวิฑูรย์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับกรณีเอฟทีเอ ที่สหรัฐฯอยากจะให้ยุติไว้ก่อนจนกว่าจะมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งอาจไม่ใช่ข้อเรียกร้องจากใจจริง เพราะเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ในปี 2535 ในรัฐบาลรสช. รัฐบาลสหรัฐฯก็ได้ทำเรื่องที่ไม่สมควรต่อรัฐบาลรสช. ซึ่งเป็นรัฐบาลชั่วคราว ที่ต้องการยอมรับ และการสนับสนุนจากภายนอกและประชาคมโลก โดยสหรัฐฯก็กดดันให้มีไทยแก้ไขกฎหมายรับรองผลประโยชน์ของบริษัทสหรัฐฯในขณะนั้น เพื่อแลกกับการให้การสนับสนุน เหมือนเป็นการแลกผลประโยชน์กัน

“รัฐบาลชั่วคราวของรสช.ถูกกดดันให้ต้องยอมรับกฎหมายสิทธิบัตรของสหรัฐฯ ซึ่งเดิมพ.ร.บ.สิทธิบัตร พ.ศ.2522 ของไทยยกเว้นไม่ให้มีการจดสิทธิบัตรผลิตภัณฑ์ยา ทั้งที่รัฐบาลไทยหลายชุดก่อนหน้านี้ทั้งของพล.อ.เปรม พล.อ.ชาติชายก็ปฏิเสธที่ยอมทำตามแรงกดดันของสหรัฐฯ แต่ท้ายสุดการต่อสู้เกือบทศวรรษก็พ่ายแพ้ลงในสมัยของรสช.นี่เอง เรื่องนี้จึงเห็นได้ว่าด้านหนึ่งสหรัฐฯพยายามพูดถึงเรื่องประชาธิปไตย หรือการเลือกตั้ง แต่ในขณะเดียวกันก็กดดันโดยใช้ 2 เรื่องนั้นแลกผลประโยชน์ของสหรัฐฯ หรือตัวอย่างในประเทศปากีสถาน ซึ่งเห็นได้ชัดเจนว่าผู้นำประเทศมาจากการรัฐประหาร แต่กลับก็ได้รับการยอมรับเป็นอย่างดีหลังจากเปิดทางให้สหรัฐฯเข้าไปจัดการปัญหาในอัฟกานิสถาน เป็นต้น” นายวิฑูรย์ กล่าว นายวิฑูรย์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของสป. ก็จะมีการประชุมใหญ่คาดว่าจะมีหยิบประเด็น เรื่องสิทธิเสรีภาพของประชาชน การนำเสนอของสื่อมวลชน หรือรัฐธรรมนูญชั่วคราว เพราะเท่าที่พูดคุยกับเพื่อนสมาชิกก็เห็นว่ารัฐธรรมนูญ ปี 2540 ก็มีความเหมาะสมอยู่ โดยอาจปรับปรุงบางมาตราจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องฉีกทิ้งแล้วร่างใหม่ทั้งหมด นอกจากนี้ยังมีการคุยถึงเรื่องเศรษฐกิจ และนโยบายระหว่างประเทศ เพราะเมื่อที่ผ่านมาเร็วๆนี้นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบการร่างรัฐธรรมนูญชั่วคราว ได้กล่าวย้ำถึงการค้ำประกันระบบการค้าเสรี เพื่อที่จะสร้างการยอมรับจากประเทศมหาอำนาจตะวันตก ผนวกกับเมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมาก็มีประกาศจากคปค.ระบุถึงหลักประกันที่จะธำรงไว้ซึ่งระบบเศรษฐกิจเสรี ในฐานะเป็นบทบาทสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจ และอนุญาตให้มีการไหลของเงินทุนเป็นไปโดยเสรี เป็นต้น

นายวิฑูรย์ กล่าวว่า การรัฐประหารครั้งนี้เกิดขึ้นมาจากเหตุผลว่านโยบายและการบริหารประเทศของรัฐบาลชุดก่อนเป็นไปด้วยการทุจริต คอรัปชั่น และหลายเรื่องก็คือการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ การทำข้อตกลงเขตการค้าเสรีกับหลายประเทศ ซึ่งทำให้เกษตรกรได้รับผลกระทบอย่างมาก แต่ในขณะเดียวกันกลุ่มผลประโยชน์ในรัฐบาลกลับเป็นผู้ได้ประโยชน์ ดังนั้นจึงน่าแปลกใจถ้าการนโยบายภายหลังจากนี้จะเดินตามความผิดพลาดของรัฐบาลทักษิณ

“นี่เป็นความสุ่มเสี่ยงที่ร้ายแรง และอาจทำให้การยอมรับต่อการทำรัฐประหารครั้งนี้ถดถอยอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียงข้อสังเกต เพราะคำประกาศล่าสุดของคปค.และการให้สัมภาษณ์ของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องด้านเศรษฐกิจการ อาจมุ่งหวั่งลดกระแสการต่อต้านจากต่างประเทศก็ได้ แต่หากมุ่งสร้างการยอมรับโดยเดินหน้านโยบายที่กระทบต่อประชาชน เกษตรกร ถือเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม” นายวิฑูรย์ กล่าว

อนึ่ง วานนี้(26 ก.ย.) คปค.ได้ออกคำสั่งฉบับที่ 17/2549 เรื่องแต่งตั้งคณะที่ปรึกษา โดยที่ได้มีคำสั่งคปค. ที่ 7/2549 เรื่องการจัดส่วนงานและการแบ่งมอบหน้าที่ความรับผิดชอบ ลงวันที่ 20 ก.ย. 2549 แล้วนั้น เพื่อให้การบริหารงานของคปค. เป็นไปด้วยความรอบคอบ โปร่งใส และเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศชาติและประชาชน จึงแต่งตั้งบุคคลผู้มีรายนามดังต่อไปนี้ ประกอบกันเป็นคณะที่ปรึกษาตามคำสั่งดังกล่าว ดังต่อไปนี้

คณะที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจ 1.ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล เป็นประธานที่ปรึกษา 2.นายเกริกไกร จีระแพทย์ เป็นที่ปรึกษา 3.นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ เป็นที่ปรึกษา 4.นายฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ เป็นที่ปรึกษา 5.คุณหญิงชฎา วัฒนศิริธรรม เป็นที่ปรึกษา 6.นายไชย ไชยวรรณ เป็นที่ปรึกษา 7.นายณรงค์ชัย อัครเศรณี เป็นที่ปรึกษา 8.ศ.เทียนฉาย กีระนันทน์ เป็นที่ปรึกษา 9.ศ.ปราณี ทินกร เป็นที่ปรึกษา 10.นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ เป็นที่ปรึกษา 11.ศ.ผาสุก พงษ์ไพจิตร เป็นที่ปรึกษา 12.ศ.มิ่งสรรพ์ ขาวสะอาด เป็นที่ปรึกษา 13.รศ.วรพล โสคติยานุรักษ์ เป็นที่ปรึกษา 14.นายวิรไท สันติประภพ เป็นที่ปรึกษา 15. นายสันติ วิลาสศักดานนท์ เป็นที่ปรึกษา 16.นายศิวะพร ทรรทรานนท์ เป็นที่ปรึกษา 17.นายอาชว์ เตาลานนท์ เป็นที่ปรึกษา 18.ศ.อัมมาร สยามวาลา เป็นที่ปรึกษา 19. น.ส.พจนีย์ ธนวรานิช เป็นที่ปรึกษา

คณะที่ปรึกษาฝ่ายการต่างประเทศ 1.นายวิทยา เวชชาชีวะ เป็นประธานที่ปรึกษา 2.นายกฤษณ์ กาญจนกุญชร เป็นที่ปรึกษา 3.นายกำธร อุดมฤทธิรุจน์ เป็นที่ปรึกษา 4.นายเตช บุนนาค เป็นที่ปรึกษา 5.นายนิตย์ พิบูลย์สงคราม เป็นที่ปรึกษา 6.นายพิศาล มาณวพัฒน์ เป็นที่ปรึกษา 7.นายวิทย์ รายนานนท์ เป็นที่ปรึกษา 8.นายสาโรจน์ ชวนะวิรัช เป็นที่ปรึกษา

คณะที่ปรึกษาด้านการเสริมสร้างจริยธรรม ธรรมาภิบาล และการป้องกันการทุจริตและประพฤติมิชอบ 1.รศ.จุรี วิจิตรวาทการ เป็นประธานที่ปรึกษา 2.รศ.กำชัย จงจักรพันธุ์ เป็นที่ปรึกษา 3.รศ.จรัล เล็งวิทยา เป็นที่ปรึกษา 4.นายเดชอุดม ไกรฤทธิ์ เป็นที่ปรึกษา 5.รศ.ทศพร ศิริสัมพันธ์ เป็นที่ปรึกษา 6.ผศ.ธิติพันธ์ เชื้อบุญชัย เป็นที่ปรึกษา 7.รศ.บุญสม ศิริบำรุงสุข เป็นที่ปรึกษา 8.รศ.ผาสุก พงษ์ไพจิตร เป็นที่ปรึกษา 9.รศ.พงษศักดิ์ อังกะสิทธิ์ เป็นที่ปรึกษา 10.รศ.สังศิต พิริยะรังสรรค์ เป็นที่ปรึกษา 11.รศ.ลาวัลย์ หอนพรัตน์ เป็นที่ปรึกษา 12.ศ.วันชัย ศิริชนะ เป็นที่ปรึกษา 13.ศ.สุรพล นิติไกรพจน์ เป็นที่ปรึกษา

คณะที่ปรึกษาฝ่ายการเสริมสร้างสมานฉันท์และความเป็นธรรมในสังคม 1.นายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม เป็นประธานที่ปรึกษา 2.นายโคทม อารียา เป็นที่ปรึกษา 3.รศ.จรัส สุวรรณมาลา เป็นที่ปรึกษา 4.นายชัยวัฒน์ สถาอานันท์ เป็นที่ปรึกษา 5.นางเตือนใจ ดีเทศน์ เป็นที่ปรึกษา 6.ผศ.ทวี สุรฤทธิกุล เป็นที่ปรึกษา 7.รศ.ธีรภัทร เสรีรังสรรค์ เป็นที่ปรึกษา 8.รศ.นครินทร์ เมฆไตรรัตน์ เป็นที่ปรึกษา 9.รศ.นรนิติ เศรษฐบุตร เป็นที่ปรึกษา 10.ศ.พรชัย มาตังคสมบัติ เป็นที่ปรึกษา 11.นายพิภพ ธงไชย เป็นที่ปรึกษา 12.ภราดาประทีป โกมลมาศ เป็นที่ปรึกษา

13.นางประทีป อึ้งทรงธรรม ฮาตะ เป็นที่ปรึกษา 14.นายประยงค์ รณรงค์ เป็นที่ปรึกษา 15.นายวรวิทย์ บารู เป็นที่ปรึกษา 16.นายวิบูลย์ เข็มเฉลิม เป็นที่ปรึกษา 17.รศ.วิริยะ นามศิริพงศ์พันธุ์ เป็นที่ปรึกษา 18.ผศ.วุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ เป็นที่ปรึกษา 19.ศ.วันชัย วัฒนศัพท์ เป็นที่ปรึกษา 20.รศ.ศรีศักดิ์ วัลลิโภดม เป็นที่ปรึกษา 21.ศ.คุณหญิงสุชาดา กีระนันทน์ เป็นที่ปรึกษา 22.รศ.สุริชัย หวันแก้ว เป็นที่ปรึกษา 23.ศ.สุธิวงศ์ พงศ์ไพบูลย์ เป็นที่ปรึกษา 24.คุณหญิงแสงดาว สยามวาลา เป็นที่ปรึกษา 25.นายโสภณ สุภาพงษ์ เป็นที่ปรึกษา 26.รศ.มาณี ไชยธีรานุวัฒศิริ เป็นที่ปรึกษา

ทั้งนี้ให้คณะที่ปรึกษาฝ่ายต่าง ๆ มีอำนาจหน้าที่ให้คำปรึกษาและเสนอคำแนะนำแก่คปค. ตามที่คปค.ร้องขอ หรือตามที่คณะที่ปรึกษาเห็นสมควร และให้คณะที่ปรึกษาฝ่ายต่าง ๆ ประชุมพิจารณาเรื่องทั้งหลายแยกกัน แต่อาจจัดให้มีการประชุมร่วมกันของคณะที่ปรึกษาทุกคณะหรือบางคณะได้ตามที่หัวหน้าคปค. เลขาธิการคปค.หรือประธานคณะที่ปรึกษาฝ่ายต่าง ๆ เห็นสมควร