หากย้อนไปก่อนศตวรรษที่ 21 การทำงานให้ประสบความสำเร็จ หรือการวัดคุณภาพของคนเพื่อรับเข้าทำงาน อาจจะมุ่งไปที่ Hard Skill ซึ่งเป็นความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสิ่งที่ทำนำมาก่อนเป็นสำคัญ เช่น ความสามารถในการสร้างตึก ความรู้ด้านสถาปนิก การออกแบบ จัดสวน การทำบัญชี เป็น Skill ที่เกิดจากเรียนรู้ ฝึกฝน จากประสบการณ์และความชำนาญเฉพาะทาง
หากความเก่งความรู้ความชำนาญด้าน Hard Skill เพียงอย่างเดียวนั้น ไม่เพียงพอต่อความต้องการของหน่วยงาน องค์กรหรือจะทำให้ชีวิตการทำงานประสบความสำเร็จก้าวหน้าได้อีกต่อไปแล้วในยุคนี้ จำเป็นต้องมี Soft Skill ที่เป็นทักษะด้านอารมณ์ ความสามารถในการอยู่ร่วมกันกับผู้อื่นและการพัฒนาตัวเองควบคู่ไปด้วย จึงจะเป็นคนทำงานที่องค์กรต้องการและเป็นการปูทางให้ชีวิตประสบความสำเร็จในสังคมการงาน
Soft Skill จึงกลายมาเป็นทักษะสำคัญที่คนทำงานต้องมีเป็นอย่างมากในศตวรรษที่21 ซึ่งเป็นยุคที่โลกขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีทุกภาคส่วน และทำให้มนุษย์นั้นมีความแตกต่างจากการใช้หุ่นยนต์หรือ AI ที่ถูกนำมาแทนที่แรงงานมนุษย์มากขึ้นทุกวัน ดังนั้นในโลกการทำงานปัจจุบันจึงไม่ได้แข่งขันกันที่ความรู้ ความสามารถระหว่างมนุษย์กับมนุษย์เพียงเท่านั้น แต่ยังต้องแข่งขันกับหุ่นยนต์และเทคโนโลยีอีกด้วย และ Soft Skill คือตัวช่วยที่จำให้ได้ตำแหน่งงานที่ต้องการ รวมไปถึงความก้าวหน้าในหน้าที่การงานที่คาดหวัง
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
ทำไม Soft Skill จึงสำคัญ
เพราะหลายสิ่งอย่างบนโลกไม่สามารถสร้างขึ้นได้จากความรู้ด้านHard Skill เพียงอย่างเดียว เหมือนที่วิศวกรผู้มีความรู้ความเข้าใจในงานก่อสร้างอาคาร ไม่สามารถสร้างอาคารให้สำเร็จได้ด้วยตัวคนเดียว จำเป็นต้องมี โฟร์แมน กรรมกร สถาปนิก ช่างประปา ช่างไฟฟ้า ทีมงาน ฯลฯ มาช่วยในการก่อสร้างด้วยจึงจะสำเร็จเป็นอาคารพร้อมใช้งานได้ ซึ่งแน่นอนว่าย่อมต้องพึ่งพาทักษาด้าน Soft Skill ในการทำงานร่วมกับคนหมู่มากเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นการประสานงาน การประนีประนอม หาทางออกของปัญหาต่างๆ ร่วมกัน เพื่อให้งานประสบความสำเร็จก้าวหน้าตามเป้าหมาย
นอกจากนี้การมี Soft Skillที่ดียังช่วยสร้างโอกาสและความก้าวหน้าให้แก่คนทำงานได้ด้วย ยกตัวอย่างเช่น คนขายของที่ไม่ใส่ใจในความต้องการของลูกค้า ลูกค้าเดินเข้ามาในร้านแล้วยังเพิกเฉย สอบถามอะไรก็ตอบไม่ได้ ย่อมไม่มีโอกาสที่จะปิดการขายได้ และเป็นไปได้มากว่าลูกค้าจะไม่กลับมาใช้บริการอีก หากมีร้านอื่นที่ขายสินค้าแบบเดียวกันให้บริการด้วยความใส่ใจในรายละเอียด และดูแลลูกค้าได้ดีกว่า ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่าผู้ที่มีทักษะด้าน Soft Skill ดี ย่อมมีโอกาสที่จะได้รับการคัดเลือกในตำแหน่งงานที่สมัคร และมีความก้าวหน้าในการทำงานได้เร็วกว่าคนที่มีแต่Hard Skill เพียงอย่างเดียว
มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ทำการวิเคราะห์ความต้องการของตลาดแรงงานด้านคุณลักษณะ Soft Skills ของบัณฑิตที่สำเร็จการศึกษา ระดับบัณฑิตศึกษา จากมหาวิทยาลัยมหิดล และเปรียบเทียบความต้องการของตลาดแรงงานด้านคุณลักษณะ Soft Skills จากกลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผู้ใช้บัณฑิตที่สำเร็จการศึกษาในระดับบัณฑิตศึกษา ปีการศึกษา 2558 จำนวน 985 คน พบว่า
1. ผู้ใช้บัณฑิตมีความต้องการเกี่ยวกับคุณลักษณะSoft Skill ของบัณฑิต ภาพรวม อยู่ในระดับมากที่สุด โดยเฉพาะด้านความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและความรับผิดชอบ เมื่อจำแนกรายด้าน พบว่า ผู้ใช้บัณฑิตมีความต้องการเกี่ยวกับคุณลักษณะ Soft Skill ทั้ง 5 ด้าน ได้แก่
- ด้านความคิดสร้างสรรค์
- ด้านภาวะผู้นำและการทำงานเป็นทีม
- ด้านการสื่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศ
- ด้านการเปลี่ยนแปลง
- ด้านความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและความรับผิดชอบ อยู่ในระดับมากที่สุด
เมื่อจำแนกรายข้อพบว่า ผู้ใช้บัณฑิตมีความต้องการคุณลักษณะ Soft Skill ของบัณฑิต ในเรื่องการมีน้ำใจต่อผู้อื่นมากที่สุด
2. เปรียบเทียบความต้องการของผู้ใช้บัณฑิตในแต่ละกลุ่ม ด้านคุณลักษณะ Soft Skill ของบัณฑิตที่สำเร็จการศึกษา ระดับบัณฑิตศึกษา จากมหาวิทยาลัยมหิดล พบว่า ผู้ใช้บัณฑิตในกลุ่มตลาดแรงงานยุคประเทศไทย 4.0 มีความต้องการคุณลักษณะ Soft Skill ของบัณฑิตทั้ง 5 ด้าน ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ
นอกจากนี้ยังพบว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นจากการทำงานของคนทำงานในองค์กรต่างๆ ไม่ได้เกิดจากทักษะความชํานาญงาน แต่เกิดจากปัญหาในการทํางานร่วมกันระหว่างพนักงาน การเข้ากันไม่ได้ การขาดความสามารถในการคิดแก้ปัญหา ขาดทักษะด้านการสื่อสารที่ดี ความไม่สามารถทํางานร่วมกันเป็นทีม การขาดทักษะด้านมนุษย์สัมพันธ์ และการควบคุมอารมณ์ เป็นเหตุให้การงานนั้นๆ ไม่ประสบผลสำเร็จตามเป้าหมายอีกด้วย
ทักษะด้าน Soft Skill ที่คนในยุคนี้ต้องมี
Soft Skill จึงเป็นสิ่งสำคัญที่คนทำงานต้องมี โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่ต้องออกสู่ตลาดแรงงานในช่วงที่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจไปทั่วโลก จากการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ที่ทำให้มีพื้นที่ตำแหน่งงานว่างลดลง และกลายเป็นตัวช่วยที่จะทำให้บัณฑิตใหม่หรือแรงงานที่ต้องการเปลี่ยนแปลงการทำงานมีพื้นที่และมีโอกาสเติบโตในองค์กร รวมถึงกลายเป็นคนที่หลายๆ หน่วยงานต้องการ ด้วย Soft Skillเหล่านี้
1. สื่อสารได้ราบรื่น ตรงจัด ชัดเจนไม่ทำให้เกิดความขัดแย้ง การสื่อสารเป็นสิ่งที่ต้องใช้ตลอดการทำงาน เพราะต้องใช้ทั้งภายใน และภายนอกองค์กรเพื่อการประสานงาน นำเสนองาน ประชุมทีม ออกคำสั่ง นำเสนอความคืบหน้า ระหว่างคนทำงาน เจ้านายลูกน้อง รวมถึงหน่วยงาน องค์กรอื่นๆ และลูกค้า ซึ่งการสื่อสารที่ดีสามารถทำให้เกิดความราบรื่นในการทำงาน เกิดการพัฒนางานได้ตามเป้าหมาย ลดการขัดแย้งระหว่างคนทำงาน ทำให้เห็นเป้าหมายในทิศทางเดียวกันได้ ไปจนถึงสามารถปิดการขาย ทำยอดได้ด้วย
2. เข้าสังคมหรือการทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ดี เป็นสิ่งสำคัญในการทำงานร่วมกันกับผู้อื่นในองค์กร เพราะคนเราไม่สามารถทำอะไรได้เบ็ดเสร็จด้วยตัวคนเดียว จำเป็นต้องพึ่งพาอาศัยความรู้ ความชำนาญจากผู้อื่นด้วย จึงจะทำงานเล็กน้อยไปจนถึงงานใหญ่ให้สำเร็จได้ และเนื่องจากในองค์กรหนึ่งๆ จะมีคนมากหน้า ต่างนิสัย ต่างวัย ต่างความความสามารถร่วมทีมอยู่ด้วย การมีทักษะในการเข้าสังคมและทำงานเป็นทีมร่วมกับผู้อื่นที่ดี จึงช่วยลดความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นในทีมงาน และทำให้งานประสบความสำเร็จได้ตามเป้าหมาย
3. มีความคิดสร้างสรรค์ ได้แก่ ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสร้างสรรค์ การคิดเชิงบวก การคิดนอกกรอบหรือแนวขวาง การคิดเชิงเหตุผล การคิดอย่างเป็นระบบ และการคิดอย่างมีวิจารณญาณ ที่ทำให้เกิดการสร้างสรรค์ผลงานที่น่าทึ่ง รวมไปถึงสามารถทำงานผ่านแรงกดดันที่เกิดขึ้นได้ และเป็นทักษะสำคัญที่มีพลังมากพอจะเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ หรือ สิ่งใหม่ได้ ที่นายจ้างต้องการและมองหาในคนทำงานในทุกยุคสมัย
4. สามารถปรับตัวได้ในทุกสถานการณ์ เป็นสิ่งที่ผู้ว่าจ้างมองหาในคนทำงานยุคนี้ เนื่องจากโลกกำลังถูกปรับเปลี่ยนหรือเปลี่ยนแปลงด้วยเทคโนโลยีที่ไปเร็วมาเร็ว รวมไปถึงสภาพเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และพฤติกรรมผู้คนที่เปลี่ยนไป อาจส่งผลต่อธุรกิจการงานขององค์กรได้ การที่ในองค์กรมีคนทำงานที่สามารถปรับเปลี่ยนตัวเองตามโลกตามเหตุการณ์หรือสถานการณ์ได้ทันท่วงทีจึงเป็นผลดีต่อองค์กร
5. ไม่หยุดความรู้แค่ในตำรา เรียนรู้ได้ตลอดชีวิต เพราะโลกเปลี่ยนเร็วและมีหลายปัจจัยที่ส่งผลกระทบทั้งด้านดีและไม่ดีต่อการดำเนินธุรกิจ ดังนั้นคนทำงานที่ทำตัวเป็นน้ำพร่องแก้วอยู่เสมอ จะสามารถเติมเต็มความรู้ใหม่ๆ ที่ไม่ได้จบไปตั้งแต่จบจากมหาวิทยาลัย ซึ่งแน่นอนว่าคนที่ไม่หยุดหาความรู้ไว้เพียงแค่ในตำรา ในวันที่เดินออกมาจากรั้วมหาลัย ย่อมเป็นบุคคลากรอันมีค่าที่ทุกองค์กรต้องการและแสวงหา เพราะทุกความรู้ที่เขาเปิดรับย่อมมาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงด้านประสิทธิภาพและประสิทธิพลในการทำงานอยู่เสมอ
6. บริหารจัดการเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้ว่าในยุคนี้จะมีหลายองค์กรยืดหยุ่นกับเวลาการทำงานของพนักงานมากขึ้น แต่การบริหารเวลาใน 1 วันทำงานให้มีประสิทธิภาพก็ยังเป็นเรื่องสำคัญ เพราะจะทำให้สามารถจัดการงานได้ตามกำหนดนัดหมาย ทำให้รันงานต่อไปได้โดยไม่ถ่วงกินเวลาของคนในทีมที่อาจต้องทำงานแบบเกี่ยวพันกัน ฉะนั้นการบริหารจัดกาเวลาเป็น เรียงลำดับความสำคัญของงาน และทำได้ตามเวลาเป้าหมายจึงเป็นคุณสมบัติของคนทำงานคุณภาพที่องค์กรต้องการ